วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บัญญัติ 3 ประการ ช่วยมื้อดึกมีคุณภาพ

การรับประทาน มื้อดึกสำหรับสาวๆ แล้ว ดูเหมือนจะเป็นเรื่องอันตรายต่อรูปร่างและสุขภาพอย่างยิ่ง แต่บางครั้งบางคราวความจำเป็นบังคับ ความอยากเป็นสิ่งกดดัน ทำให้อาหารมื้อดึกกลายเป็น นรกในความรู้สึกของบางคนแต่วันนี้เรามีวิธีการกินมื้อดึกแล้วอร่อยอย่างมีคุณภาพ ที่สำคัญไม่ทำลายสุขภาพมาบอกกล่าวกันค่ะ อันนี้เป็นคำแนะนำจาก ดร.ลุยจิ แกรตตัน รองประธานฝ่ายการแพทย์ เฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด นั่นเอง

ต้องทำอย่างไร? เราจึงจะยังคงรับประทานอาหารในยามค่ำคืนได้โดยที่ไม่เสี่ยงต่อการมีสุขภาพที่แย่ลงมาดูกันเลย

กฎข้อแรกเลิกล้มความเชื่อเก่า ๆ

อาจจะเคยมีคนบอกว่าการรับประทานอาหารยามค่ำคืนหรือมื้อดึกเป็นโทษต่อร่างกาย แต่ในขณะที่ร่างกายต้องการแคลอรีที่น้อยที่สุดในเวลากลางคืน กลับไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ เป็นเครื่องยืนยันว่าปริมาณแคลอรีที่รับประทานในตอนกลางคืนจะถูกเก็บไว้มากกว่าที่เรารับประทานในเวลาอื่น

การรับประทานอาการในเวลาสายของวันแทนที่จะเป็นเวลาก่อนหน้านั้นไม่ได้หมายความว่าจะทำให้น้ำหนักตัวของเราเพิ่มขึ้น แต่ข้อสำคัญอยู่ที่ปริมาณแคลอรีที่เราได้รับตลอดวันต่างหาก ไม่ว่าจะรับประทานเวลาใดถ้ารับประทานมากกว่าที่ร่างกายต้องการ ร่างกายก็จะเก็บแคลอรีเหล่านั้นไว้และกลายเป็นไขมันพอกพูนตามส่วนต่างๆ ของร่างกายในที่สุด การควบคุมนิสัยในการชอบรับประทานของจุกจิกในช่วงเย็นจะทำให้การควบคุมน้ำหนักตัวทำได้ง่ายกว่า เนื่องจากเราได้รับแคลอรีที่น้อยลง เมื่อนำไปนับรวมกับแคลอรีทั้งหมดที่เราได้รับในระหว่างวัน

กฎข้อที่ 2ปฏิวัตินิสัยช่างกิน

เรามักจะบริโภคอาหารที่ให้แคลอรีที่ร่างกายต้องการส่วนใหญ่ในตอนสายของวัน ชาวอเมริกันจะเลือกรับประทานอาหารเย็นที่มีแคลอรีสูงมากกว่ามื้ออื่นๆและถ้าหากเราเพิ่มจำนวนแคลอรีหลังจากเสร็จภารกิจกับอาหารเย็น ปริมาณแคลอรีก็จะเพิ่มขึ้นเกินความต้องการของร่างกายอย่างแน่นอน

มีเหตุผลหลายประการเกี่ยวกับรูปแบบการรับประทานที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ คนบางคนรับประทานอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในตอนกลางวัน ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดลดลง และทำให้หิวในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นผลให้เราจะต้องรับประทานมากในตอนกลางคืนนั่นเองบางคนที่มักจะมีธุระยุ่งจนไม่มีเวลาที่จะคิดเรื่องการรับประทานอาหารแต่ละมื้อ ขณะที่บางคนก็ออกจากบ้นไปทำงานโดยดื่ม

กาแฟเพียงถ้วยเดียว และก้มหน้าก้มตาทำงานตลอดทั้งวันโดยไม่หาเวลารับประทานอาหารให้เหมาะสมจึงไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่เมื่อพวกเขาเหล่านั้นกลับถึงบ้าน เขาก็แทบจะหมดเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรต่อ

คนอื่นๆ อาจจะรับประทานตามอารมณ์ เช่น รับประทานเพื่อแก้เครียด หรือแก้เบื่อ และบางครั้งเราก็มักจะเอื้อมมือไปหยิบอาหารขยะโดยไม่ทันคิด ในขณะที่ต้องนั่งอยู่กับที่ เช่น ดูโทรทัศน์ ฟังเพลง หรือใช้คอมพิวเตอร์ รวมถึงบ่อยครั้งที่มักจะรับประทานอาหารที่มีแคลอรีสูงเหล่านี้เวลาหย่อนใจ และปฏิบัติจนเป็นนิสัยโดยไม่รู้ตัว!

กฎข้อที่ 3วางแผนการรับประทานและอาหารว่างที่เหมาะสม

การเพิ่มพลังงานที่ถูกต้องในระยะเวลาห่างกันอย่างเหมาะสมในช่วงกลางวันเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งเพื่อลดการรับประทานจุกจิกในตอนกลางคืน อาหารเช้าและอาหารกลางวันควรจะมีปริมาณของโปรตีนที่พอเหมาะและสอดคล้องกับความต้องของร่างกาย

เพื่อให้สมองของเราว่องไว ตื่นตัวและไม่หิว รวมทั้งรับประทานอาหารว่างที่ดีต่อสุขภาพ เมื่อรู้สึกว่าอยากรับประทานทาน อะไรสักอย่างเช่น ผลไม้ ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี เพื่อรักษาระดับของน้ำตาลในเลือด โปรตีนเชคและผลไม้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการเริ่มต้น

วันที่ดี หรือไม่อย่างนั้นก็ลองรับประทานออมเล็ตไข่ขาวกับผลไม้ โยเกิร์ตชนิดไม่มีไขมันกับผลไม้ หรือรับประทานข้าวโอ๊ตผสมด้วยผงโปรตีน เหล่านี้นับเป็นอาหารว่างที่มีรสชาติไม่เลว โดยไม่ต้องกังวลกับแคลอรีที่จะตามมา

เคล็ดลับการสัมภาษณ์

ถ้าพูดถึงการสัมภาษาณ์แล้วคงเป็นเรื่องที่น่ากังวลของหลายๆ คนทีเดียว เพราะมันจะเป้นการตัดสินอนาคตจากผู้ทำการสัมภาษาณ์ วันนี้สาระนน่ารู้จะมีเคล็ดลับดีๆ ในการสัมภาษณ์มาฝากกันครับ

1. เตรียมตัวให้พร้อมนับเป็นสิ่งที่สุด ควรศึกษาความรู้จากสถาบันหรือองค์กรที่เรากำลังไปสัมภาษณ์ว่าเขามีประวัติความเป็นมาอย่างไร ทำอะไรบ้าง ควรเตียมตัวตั้งคำถามไว้ในใจว่าผู้สัมภาษาณ์จะถามอะไรเราบ้างเราควรจะตอบว่าอย่างไร หรือให้เพื่อนซ้อมเป็นคนสัมภาษณ์เพื่อความมั่นใจตอนไปสัมภาษณ์จริง นอกจากนั้นระวังรักษาสุขภาพ ระมัดระวังเรื่องการกิน การพักผ่อน หลายคนพลาดท่าเรื่องการกินมาแล้ว เช่น ท้องเสีย เป็นไข้ ซึ่งอาจเกิดจากความวิตกกังวล ความเครียด ฯลฯ การเตรียมตัวให้พร้อมจะช่วยลดความวิตกกังวลลงได้

2. แต่งกายให้เหมาะกับสถานที่และเวลา การแต่งกายจะแสดงภาพลักษณ์แรกให้คนสัมภาษณ์รู้ว่าคุณมีบุคลิกเช่นไร ถ้าแต่งกายดีสุด สุด ด้วยเครื่องแต่งกายที่สุภาพสมฐานะ ใส่เสื้อเชิ๊ต กางเกงสุภาพ อย่าใส่ยีนส์นะขอร้อง เขาจะหาว่าไม่รู้กาละเทศะ ไม่รุ่มร่าม หรือคับเกินไป ห้ามใส่รองเท้าแตะ เด็ดขาด ควรใส่รองเท้าหนังสีสุภาพ ไม่มีลวดลาย พูดง่าย ๆ แต่งตัวให้สุภาพดูดีเท่านั้นพอ

3. ควรเตรียมอะไรไปบ้าง ก่อนเดินทางไปสัมภาษณ์ควรติดต่อสอบถาม และดูรายละเอียดให้ชัดเจน ว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้างปกติจะเตรียมหลักฐานต่าง ๆ ที่สำคัญ ซึ่งเขาอาจจะขอเพิ่มเติม ตัวอย่างผลงาน เช่น ภาพวาด ภาพถ่าย หรืออื่น ๆ ตามลักษณะของตำแหน่งงาน และที่จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณมากที่สุด แต่อย่าพะรุงพะรัง จะทำให้เสียบุคลิกภาพเปล่า ๆ

4. ควรเดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์เมื่อใด ก่อนอื่นคุณต้องมั่นใจว่าจะไปถึงที่สอบใช้เวลาเท่าใด โดยเฉพาะคนที่อยู่ต่างจังหวัด แล้วเดินทางเข้าไปสอบในกรุงเทพ พลาดมาเยอะเหมือนกัน ต้องหาข้อมูลให้ชัดเจน และต้องแน่ใจว่าเขานัดสัมภาษณ์ที่ใด ถ้าไม่แน่ใจให้เดินทาง ไปดูล่วงหน้าก่อน แต่ที่ดีที่สุดควรเดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์ล่วงหน้าประมาณสัก 15 นาที จะทำให้เรามีสมาธิ และมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น แต่ถ้าไปถึงล่วงหน้าเป็นชั่วโมง ก็ดีแต่อาจจะทำให้คุณรอนานอาจเกิดความหงุดหงิด เสียสมาธิได้ และควรไปคนเดียว ถ้าไม่จำเป็นอย่าพาผู้อื่นไปด้วยเพราะจะทำให้เราพะวง เขาอาจจะมองว่าคุณยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ

5. ทำอย่างไรดีขณะนั่งรอสัมภาษณ์ ระหว่างนั่งรอสัมภาษณ์ จงใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ที่สุด พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงานที่คุณสัมภาษณ์ให้มากที่สุด เช่น เอกสาร แผ่นพับ ตัวอย่างผลงาน หรือสอบถามจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ เพื่อหารายละเอียดเพิ่มเติมที่จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณให้มากที่สุด พยายามแสดงความเป็นมิตรที่ดีด้วยรอยยิ้ม กับผู้อื่นรวมทั้งผู้เข้าสอบด้วยกันเพื่อสร้างความประทับใจ อย่าใช้สายตาว่าเขาคือศัตรูหรือคู่แข่งซึ่งมันจะไม่เป็นผลดีสำหรับคุณเลย

6. เมื่อถูกเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์ ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ลองหายใจลึก ๆ ถ้ามีประตูควร เคาะ ประตู เสียก่อน ตามมารยาท ยกมือวันทาด้วยท่าทางสุภาพ ควรไหว้ประธานหรือผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดเพียงผู้เดียวถ้านั่งอยู่หลายคน โดยทั่วไปมัก นั่ง ตรงกลาง เรื่องนี้ ใช้ไหวพริบเองก็แล้วกัน อย่าเพิ่งนั่งจนกว่าจะได้รับอนุญาต หรือ คำเชิญจากผู้สัมภาษณ์ กล่าวขอบคุณครับแล้วนั่งให้หัวใจเต้น เบาลง จงมีสายตาท่าทางที่เป็นมิตร ห้ามหยิ่ง อันนี้แน่อยู่แล้วโดยธรรมชาติ

7. เมื่อได้ฟังคำถามคำแรก จงตอบคำถามด้วยความมั่นใจ ฉะฉาน ยกเว้นคุณไปสมัครเป็นนางเอกหนังเรื่องนางอาย พูดให้เป็นธรรมชาติด้วยเสียงที่พอเหมาะอย่าค่อย หรือดังเกินไป จงพูดเท่าที่จำเป็นอย่าคุยโม้โอ้อวด หรือถ่อมตนมากเกินไป จงพูดในสิ่งที่เป็นความจริงและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคำถามและเป็นประโยชน์ สำหรับคุณให้มากที่สุด และถ้าไม่เข้าใจคำถาม ? อย่าเดาคำถามอย่างเด็ดขาดควรกล่าวคำขอโทษและขอทบทวนคำถามอีกครั้งให้แน่ใจ แต่อย่าไม่เข้าใจบ่อยมาก ไม่ดี ถ้าคุณเข้าใจคำถามผิด แล้วเขาทักมากรุณากล่าวคำขอโทษแล้วตอบใหม่อย่ายืนยันคำพูดเดิม หรืออย่าเถียงเด็ดขาด อาจทำให้การสัมภาษณ์ยุติลง

8. ถ้าพบกับคำถามที่ตอบไม่ได้ จงอย่าอ้างว่าไม่ได้เรียนมา และอย่าแสดงกริยาหงุดหงิดอารมณ์เสีย เขาอาจจะอยากลองดูไหวพริบการแก้ปัญหาของคุณ อันนี้อย่าตอบมั่วเด็ดขาด ยอมรับซะว่าไม่ทราบจริง ๆ และจะไปสืบค้นหาคำตอบภายหลัง ซึ่งแสดงว่าคุณเป็นผู้ใฝ่รู้ อย่าขอเปลี่ยนคำถามหรือขอผู้ช่วยเพราะไม่ใช่เกมโชว์ แต่หากเจอคำถาม ที่ลำบากใจ ทำใจเย็น ๆ ไว้ พร้อมทั้งใช้ไหวพริบของคุณตอบให้ดีที่สุด อย่าพูดในสิ่งที่ทำไม่ได้ และไม่มั่นใจอาจจะสร้างปัญหาได้ในภายหลัง

9. การใช้วาจาในระหว่างสัมภาษณ์ ควรใช้คำพูดที่ฉะฉาน ไม่ก้าวร้าว อย่าพูดคำพูดที่ไม่แน่ใจบ่อย ๆ หรือ ภาษาที่เป็นกระแสนิยม เช่น ใช่มั้งคะ ! แบบว่า! ว้าวดีจังเลย! จ๊าบจริงครับ! เจ๋งเลยครับ! ระวังดี ๆ นะโดยเฉพาะคนที่พูดบ่อย ๆ จนเป็นนิสัยอาจจะหลุดออกมาได้ มือขอให้อยู่เป็นสุขอย่าคุ้ยแคะแกะเกา ระวังให้ดีให้มันอยู่ในที่ที่ควรอยู่ จงใช้เท่าที่จำเป็น

10. เมื่อการสัมภาษณ์สิ้นสุดลง เป็นธรรมดาครับ ก็ต้องกล่าวขอบคุณที่ให้โอกาส แม้ว่าการสัมภาษณ์อาจจะไม่เป็นที่พอใจคุณเท่าใดนัก เช่น อาจตอบคำถามไม่ดี หรือมีข้อผิดพลาด พยายามข่มใจไว้ ไหว้งาม ๆ แล้วเดินออกไป อย่าลืมเก็บของเข้าที่ให้เรียบร้อย เช่น โต๊ะ เก้าอี้

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

10 สุดยอดทำให้สมองบันเจิด


10 สุดยอดทำให้สมองบันเจิด

อันดับที่ 10 นอนหลับอย่างเพียงพอ

ใครๆก็รู้ว่าการพักผ่อนเป็นสิ่งที่จำเป็นของมนุษย์ ถ้าวันไหนอดนอนหรือนอนไม่ได้เต็มที่แน่นอนคุณจะต้องออกอาการเบอล์ คิดอะไรไม่ออกเป็นแน่แท้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นหรือครับ ก็เพราะว่าการอดหลับอดนอน มันมีผลต่อระบบต่างๆในร่างกายของเฮา โดยเฉพาะในส่วนของการรับรู้ ดังเช่น ความทรงจำ และ สมาธิ นอนไม่พอยังทำให้เกิดปรากฎการณ์ ที่เรียกว่า snowball effect แถมจะมีผลเรื้อรังอีกด้วยนะ!! ทำไง? เข้านอนให้ตรงเวลา ก่อนนอนก็อย่าแจ้นไปกินข้าว เล่นเกมส์หรือ หาโน่นหานี่มาทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูหนาว พยายามเข้านอนแต่หัวค่ำ จะได้ตื่นขึ้นมารับรุ่งอรุณ ได้อย่างแจ่มใส เข้านอนแต่หัวค่ำจะช่วยให้คุณอารมณ์ดีและ กระปรี้กระเปร่าด้วยนะ เจ๋งไหมละ!!

อันดับที่ 9 ผ่อนคลาย

การผ่อนคลายถือเป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้สมองแจ่มใส วิธีในการผ่อนคลายมีหลากหลายวิธีตามแต่คุณจะชอบอาทิ การฟังเพลงเบาๆ ร้องคาราโอเกะ การนั่งสมาธิ เช่นโยคะ เป็นต้น และมีมากมายร้อยแปดประการ

อันดับที่ 8 ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายถึงจุดจะทำให้ร่างกายหลั่งสารความสุข ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดการออกกำลังกายมากถ้าวันไหนไม่ได้ออกจะแทบคลั่งเลยทีเดียว ออกกำลังกายนอกจากจะทำให้สุขภาพกายดีแล้วยังทำให้สุขภาพจิตดีด้วยสมองก็แจ่มใส่ นอกจากนั้นการออกกำลังกายยังจะทำให้่ช่วยให้ ระบบเผาผลาญพลังงานดีขึ้น และทำให้หัวใจไม่เสื่อมเร็วด้วย ทำไง? ไปออกกำลังกายไง เน้นการออกกำลังกายที่เน้นการทำงานของหัวใจ และออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ

อันดับที่ 7 กินเยอะๆ พวกผักสีเขียวและผักหลากสี

ผักสีเขียวหรือผักหลายสีสันจะมีวิตามินที่เป็นประโยชน์สูงปริ๊ดดดดดดด ทั้งยังมีแอนตี้ออกซิเด้นที่จะช่วยป้องกัน ความจำเสื่อม เช่น vitamin E,C,B มีอยู่เยอะในผักสีเขียว ดังนั้นกินเข้าไปโลด ดีทั้งนั้น ทำไง? กินผักผลไม้ไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ ลองทำอาหารบำรุงสมองเช่นสลัดดูก็ได้

อันดับที่ 6 เข้าเรียน!!

ทำไมละ? ก็ความรู้คือพลังไงละ เคยได้ยินบ่? ทำไงดี? พยายามหาความรู้เข้าสมองให้เยอะๆ มีเรียนก็เข้าเรียน หุๆ แค่เพียงการ เทคคอร์สสักคอร์ส เพียงคอร์สเดียว ก็จะช่วยให้คุณได้ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นแล้วแหล่ะ รู้มาก เก่งมาก ไม่ยาก ใช่ไหม….

อันดับที่ 5 เล่นเกมส์พัฒนาสมอง

ทำไม? เกมส์ด้านตรรกะ จะช่วยให้คุณได้ใช้งานสมอง ด้านซ้าน ช่วยพัฒนากระบวนการคิดอย่างมีเหตุมีผล และทำให้กระบวนการคิดด้านตรรกะดีขึ้น ทำไง? เดี๋ยวนี้มีเกมส์แนวนี้เยอะแยะ เช่นเกมส์อักษรไขว้ โซดูกุ หาซื้อสักเล่มก็ได้ หรือจะเล่นวีดีโอเกมส์ หรือเกมส์คอมฯ ที่มันเอาไว้ พัฒนาสมองหรือไม่ก็หาเล่นเกมส์แนวนี้ออนไลน์ ก็ได้ มีเยอะแยะเชียวแหละคับ ก็ลองหาไรทำเป็นกลุ่มดูสิ

อันดับที่ 4 อ่านมากเก่งมาก

ทำไม? คงไม่มีใครจะปฎิเสธนะครับว่าการอ่านมีประโยชน์แค่ไหน เดี๋ยวนี้นิยายหลายเรื่อง ก็มีในรูปแบบดิจิตอล หรือหาอ่าน แบบออนไลน์ก็ได้ ทำไง? เลือกหนังสือมาสักเล่ม แล้วเริ่มอ่าน อ่านปกมันดูก่อนก็ได้ แล้วลองหาดูว่า เล่มไหนที่เราอยากอ่าน หาเจอแล้วก็อ่านมันเสีย

อันดับที่ 3 หางานอดิเรกที่สร้างสรรค์ทำ

ทำไม? งานด้าน Creative จะพัฒนาสมองด้านขวา ในขณะที่ สมองด้านซ้ายจะเกี่ยวกับด้านความคิด ตรรกะต่างๆ พยายามใช้สมองทั้งสองด้าน แล้วสมองของคุณจะแจ่ม!! ทำไง? ใช้เวลาสักชั่วโมง เพื่อทำงานอดิเรกที่ creative เช่น วาดรูป แกะสลัก ถ่ายภาพ หรือแม้แต่ทำอาหาร ถ้าคุณไม่รู้จะทำไรดี ก็ลองหาไรทำเป็นกลุ่มดูสิ

อันดับที่ 2 เลิกบุหรี่!

ทำไม? นอกจากการสูบบุหรี่จะทำร้ายคนอื่นแล้ว ควันบุหรี่นี่แหละทีเ่ป็นปัจจัยที่ทำให้คุณ ดูแก่ขึ้น และลดความสามารถในการจดจำ ทำไง? การเลิกบุหรี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าใดนัก แต่มันก็ ทำได้นะครับ มีวิธีแนะนำหลายๆอย่างเลยเกี่ยวกับ การเลิกบุหรี่ ลด ละ เลิก ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ได้ผลดีทีเดียว

อันดับที่ 1 เล่นเกมส์แนววางแผน

ทำไม? การเล่นเกมส์ที่เกี่ยวกับการวางแผนจะช่วยให้คุณเพิ่ม ทักษะการคิดด้านการวางแผนและทำให้คุณรู้จัก วิธีแก้ปัญหาที่คล้ายๆกันได้ หากเจอปัญหาในชีวิตจริง ทำไง? เกมส์แนวนี้มีเยอะ ทั้งเกมส์กระดาน เช่น หมากรุก หรือวีดีโอเกมส์ ก็มีแนวนี้เยอะจะตาย เลือกสักเกมส์ที่คุณอยากเล่นดู หวังว่าบทความเหล่านี้จะด

วิธีอาบแดดอย่างไรไม่ให้ดำ

วิธีอาบแดดอย่างไรไม่ให้ดำ


ย้างเข้าสู่หน้าร้อนอย่างนี้ ใคร ๆ ก็คงอยากนอนอาบแดด แต่ว่าใครที่กลัวดำ วันนี้มีวิธีนอนอาบแดดไม่ให้ดำมาบอก

การอาบแดดจากดวงอาทิตย์มีประโยชน์ ซึ่งจะทำ

ให้ร่างกายได้รับวิตามิน D ช่วยสร้างภูมิต้านทาน

ให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดีขึ้น และทำให้กระดูก

แข็งแรง แถมยังสร้างพลังให้ร่างกายไม่อ่อนแอหรือ

ป่วยบ่อยด้วย

วิธีอาบแดดด้วยใบตอง

เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอาบแดดหรือคนที่ต้องการ

สีผิวสีแทนแต่ไม่ใช่ผิวคล้ำ แค่หาทำเลเหมาะ ๆ ยามแดดส่องช่วงก่อน 10 โมงเช้าหรือหลังบ่าย 3 โมงเย็นถือว่าเป็นช่วงที่ทำให้โดนแดดน้อยที่สุดและแสงแดดก็อ่อนตัวลงด้วย

อาบ ทาผิวด้วยน้ำมันมะกอก จากนั้นนอนหงายเอาใบตองมาคลุมตัวไว้สัก 3 ใบ ประมาณ 10-15 นาที แล้วเปลี่ยนท่านอนหงายเป็นนอนคว่ำ ทำตามสูตรเดิม วิธีนี้จะช่วยให้ผิวไม่คล้ำแดด เพราะมีใบตองคอยกรองแสงอาทิตย์ แถมรังสีจากแสงเขียว ๆ ยังไม่ค่อยมีอันตรายด้วย

เพียงเท่านี้ก็สามารถอาบแดดได้โดยผิวไม่คล้ำกันแล้ว ยังไงก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติกันได้

สิ่งต้องห้ามหลังมื้ออาหาร


สิ่งต้องห้ามหลังมื้ออาหาร


อาหารนับเป็นสิ่งที่สำคัญของมนุษน แต่คุณรู้ไหมว่าหลังจากที่คุณกินอาหารแต่ละมื้อไปแล้วนั้น มีสิ่งต้องห้ามทำหลังมื้อ จะเป็นอัตรายต่อร่างกาย และที่สำคัญ ข้อห้ามพวกนั้นเรามักจะทำบ่อยด้วยสิ วันนี้ผมเลยมานำมาเสนอข้อห้ามหลังมืออาหารหลัง

1. ห้ามสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่หลังอาหารนับเป็ฯสิ่งที่โปรดปรานของเหล่าสิงอมควัน แต่ผลการทดสอบที่พิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญพบว่าการสูบบุหรี่หลังรับประทานอาหารเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ ถึง 10 ม้วนหรือมีโอกาสเป็นมะเร็งสูงกว่า 10 เท่าเลยทีเดียว)

2. ห้ามทานผลไม้ทันที หลังอาหารทุกมื้อห้ามทานผลไม้ทันทีหลัง เพราะจะทำให้เกิดลมในกระเพาะอาหารได้ ดังนั้นควรทานผลไม้หลังทานอาหารไปแล้ว 1-2 ชั่วโมงหรือก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง

3. ห้ามดื่มชา เพราะสาระเคมีในน้ำชาจะทำปฏิกิริยาให้การย่อยสารโปรตีนในอาหารที่เรารับประทานเข้าไปนั้นเป็นไปยากขึ้น

4. ห้ามคลายเข็มขัด เพราะการคลายเข็มขัดหลังมื้ออาหารจะทำให้ลำไส้บิดตัวและอุดตันได้

5. ห้ามอาบน้ำ การอาบน้ำจะเพิ่มแรงดันเลือดไปสู่ มือแขนขาและทั่วตัว ดังนั้นจำนวนเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงกระเพาะอาหารจึงลดลงซึ่งส่งผลให้ระบบการ ย่อยอาหารของกระเพาะเราแย่ลง

6. ห้ามเดินไปมา ผู้คนมักบอกเสมอว่าการเดิน 100 ก้าวหลังรับประทานอาหารจะทำให้อายุยืนถึง 99 ปี ตามข้อเท็จจริงแล้วไม่ใช่เลย การเดินจะส่งผลให้ระบบย่อยของเราไม่สามารถดูดซึมสารอาหารที่เราทานเข้าสู่ ร่างกายได้

7. ห้ามหลับทันที เพราะอาหารที่เราทานเข้าไปจะไม่สามารถย่อยได้เลย ดังนั้นจะทำให้เกิดเชื้อโรคหรือเกิดลมในกระเพาะและลำไส้ของเราได้