วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เตือนภัย : "แอบถ่าย" ภัยเงียบที่มาพร้อมเทคโนโลยี


 ถ้าหากจะพูดถึงภัยสังคมในรูปแบบต่างๆ แล้ว ภัยร้าย "แอบถ่าย" ไม่เคยห่างหายไปจากสังคมเมืองทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของคลิปวิดีโอ หรือภาพนิ่งก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ พัฒนาไปอย่างมาก การถ่ายรูปไม่จำเป็นต้องพกกล้องเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พกแค่โทรศัพท์สักเครื่องก็สามารถถ่ายรูปได้แล้ว ...

     และการ(แอบ)ถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือยิ่งสะดวกมากขึ้นเมื่อเทคโนโลยีของ โทรศัพท์มือถือแบบ "สมาร์ทโฟน" เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วไป ทำให้การถ่ายรูปในรูปแบบต่างๆ ทำได้ง่ายรวดเร็ว ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นข้อดี แต่ในทางกลับกัน เมื่อนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในการก่ออาชญากรรมต่างๆ เช่น การแอบถ่าย ซึ่งถือเป็นการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง ก็จะเป็นภัยสังคมที่น่ากลัวมาก

เด็กดีดอทคอม :: เตือนภัย : "แอบถ่าย" ภัยเงียบที่มาพร้อมเทคโนโลยี

     ตัวอย่างเช่น ในประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นได้รายงานว่า มีคดีที่ผู้ตกเป็นเหยื่อถูกแอบถ่ายเพิ่มขึ้นจากในอดีตถึง 60% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2011 ที่ผ่านมานี้ มีผู้ตกเป็นเหยื่อการแอบถ่ายสูงถึง 1,741 ราย

     รายงานจากสำนักงานสำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นระบุว่า โดยปกติแล้ว โทรศัพท์สมาร์ทโฟนจะมีปุ่มกดบันทึกภาพที่มีเสียงชัตเตอร์เพื่อให้ผู้อื่นรู้ตัวว่ากำลังถูกถ่ายภาพอยู่ แต่ล่าสุดได้มีแอพพลิเคชั่นใหม่ คือ "Silent Camera" หรือ "กล้องเงียบ" ที่สามารถบันทึกภาพผู้คนโดยไม่มีเสียงกดปุุ่มชัตเตอร์ เปิดโอกาสให้นักถ้ำมองหรือพวกชอบแอบดูชาวบ้าน ได้ใช้เทคโนโลยีนี้ แสวงความสุข(แบบจิตๆ)ส่วนตัว จากการบันทึกภาพผู้คนตามสถานที่สาธารณะต่าง ๆ เช่น สถานีรถไฟ สถานที่ทำงาน นอกจากนี้ แอพพลิเคชั่น บางตัวยังสามารถใช้งานขณะที่กำลังทำงานด้านเอกสาร เช็คอีเมล หรือเล่นเกมไปได้พร้อมๆ กับถ่ายภาพ ซึ่งเทคโนโลยีนี้เองที่อำนวยความสะดวกให้เกิดการแอบถ่ายภาพลามกอนาจารมากขึ้น

เด็กดีดอทคอม :: เตือนภัย : "แอบถ่าย" ภัยเงียบที่มาพร้อมเทคโนโลยี

     ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นระบุว่า ปัจจุบัน มีแอพพลิเคชั่นประเภทดังกล่าว เป็นจำนวนหลายสิบตัว ทั้งจากโทรศัพท์แอนดรอยด์ และไอโฟน ที่ก่อให้เกิดความวิตกอย่างหนักต่อสังคมญี่ปุ่น และผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นได้ออกมาเรียกร้องให้มีการควบคุมแอพพลิเคชั่นประเภทนี้ เนื่องจากเห็นว่ามันถูกใช้เพื่อประกอบอาชญากรรมมากขึ้น ดังนั้นจึงควรมีการควบคุมกันอย่างเข้มงวด เพื่อลดอัตราการเกิดอาชญากรรมในลักษณะการล่วงละเมิดและอนาจาร

     แต่อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้ว การจัดระเบียบแอพพลิเคชั่นดูจะเป็นไปค่อนข้างยากโดยเฉพาะบนสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เนื่องจากกูเกิ้ลเจ้าของระบบปฏิบัติการนี้ มีนโยบายที่เปิดเสรีให้กับการพัฒนาแอพพลิเคชั่น จึงทำให้แอพลิเคชั่นต่างๆ ไม่ถูกตรวจสอบก่อนถูกเผยแพร่ให้ผู้ใช้ดาวน์โหลด

เตือนภัย : ขนมกรุบกรอบทำร้ายคุณได้

มันฝรั่งทอด ปลาเส้นปรุงรส ช็อกโกแลต เยลลี่ ... โอ๊ยแต่ละอย่าง ล้วนแต่เป็นขนมสุดโปรดของทั้งนั้นเลยล่ะ เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะชอบเหมือนใช่ไหม แต่จะบอกให้นะคะว่า ขนมอร่อยๆ รูปลักษณ์ชวนชิมพวกนี้ล่ะ มีอันตรายแฝงอยู่อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ

เด็กดีดอทคอม :: เตือนภัย : ขนมกรุบกรอบทำร้ายคุณได้

     มีการวิจัยพบว่า ขนมกรุบกรอบที่มีคนนิยมชอบกินกว่า 700 ชนิด ที่วางขายล่อตาล่อใจอยู่ในร้านค้าชั้นนำ ล้วนแต่มีส่วนผสมที่มีรสชาติหวานหรือเค็มจัด มีมันเยิ้มจากการทอด ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผู้ที่ชอบรับประทานขนมเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการป่วยเป็นโรค เบาหวาน หัวใจ โดยเฉพาะขนมปังประเภทเม็กซิกันบันต่างๆ เพราะเพียงแค่ชิ้นเดียวให้พลังงานเกินกว่าความต้องการของร่างกาย แถมขนมเหล่านี้กำลังเป็นต้นเหตุสำคัญให้เด็กไทยมีปัญหาเรื่องไขมัน อีกทั้งยังพบเด็กไทยกำลังมีปัญหาเรื่องไขมันและน้ำตาลผิดปกติ ซึ่งเป็นผลจากความอ้วน ส่วนสาเหตุของความอ้วนนั้นก็มาจากการรับประทานขนมต่างๆ นานาสะสมกันเป็นเวลานานนั่นเอง

     ทั้งนี้ ในการวิจัยได้มีการนำขนมและอาหารว่างประมาณ 700 ตัวอย่างมาวิเคราะห์จากฉลากโภชนาการ และส่วนประกอบเพื่อให้ทราบคุณค่าทางโภชนาการ พบว่ามีเพียง 10% ของขนมทั้งหมดที่ผ่านเกณฑ์โภชนาการ แต่ก็ไม่ได้ผ่านทั้งหมด เพราะใน 10% นั้นบางอย่างก็เค็มเกินไป หวานเกินไป ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 5 กลุ่ม คือ

เด็กดีดอทคอม :: เตือนภัย : ขนมกรุบกรอบทำร้ายคุณได้ 1. กลุ่มลูกอม หมากฝรั่ง เยลลี่ พบมีน้ำตาลและสารให้ความหวานอื่น ๆ เป็นส่วนผสมจำนวนมาก
2. กลุ่มช็อกโกแลต มีไขมันกับน้ำตาลในปริมาณสูง
3. กลุ่มถั่วและเมล็ดพืช มีไขมันและโซเดียมมาก
4. กลุ่มปลาเส้นปรุงรสต่างๆ ปลาอบกรอบ แม้จะมีโปรตีน แต่มีโซเดียมสูง ยิ่งปรุงรสเข้มข้นก็ยิ่งมีโซเดียมมาก
5. กลุ่มมันฝรั่งทอด ข้าวเกรียบ ข้าวอบกรอบ ข้าวโพดอบกรอบ แป้งทอด จะเต็มไปด้วยโซเดียมและไขมัน
     และนอกจากขนมกรุบกรอบแล้ว ขนมปังประเภทเม็กซิกันบัน มีปริมาณสารอาหารที่ได้รับต่อขนมปัง 1 ก้อน ให้พลังงานสูง 600 กิโลแคลอรี เมื่อเทียบปริมาณที่ควรได้รับอยู่ที่ 2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน ปริมาณไขมันอยู่ที่ 32.5 กรัม ... 
 
     จากผลการศึกษาและวิจัยดังกล่าวพกว่า อาหารในพวกของขนมกรุบกรอบกว่า 90% มีคุณค่าทางโภชนาการน้อยมาก และเต็มไปด้วยสารอาหารที่เกินพอดี ซึ่งทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เมื่อรับประทานต่อเนื่องกันนานๆ ก็จะทำให้ไตทำงานหนัก เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง และส่วนประกอบหลักของขนมกรุบกรอบประเภทแป้ง ทำให้เด็กได้รับคาร์โบไฮเดรตสูงเกินความต้องการของร่างกาย ทำให้กลายเป็นเด็กที่มีรูปร่างอ้วนไม่แข็งแรง ฟันผุ อนาคตเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคหัวใจอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันนี้มีเด็กไทยจำนวนหนึ่งกำลังประสบกับปัญหา "เมตาบอลิคซินโดรม" เกิดจากเมตาบอลิซึมผิดปกติ มีความดันโลหิตสูง ไขมันผิดปกติ น้ำตาลผิดปกติ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับภาวะที่ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน เป็นผลจากความอ้วน และมีความเสี่ยงเป็นเบาหวานได้ง่ายล่ะ

ระวังเอาไว้ ผอมเกินไป ระวังกระดูกเปราะง่าย


 สำหรับน้องๆ หลายคนเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น จะมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องน้ำหนักตัว กลัวว่าอ้วนไปแล้วจะดูไม่ดี บางคนกังวลมากถึงขั้นที่ต้องล้วงคอตัวเองเพื่อให้อาเจียนเอาอาหารที่เพิ่งรับประทานเข้าไปออกมา และพอทำพฤติกรรมแบบนี้บ่อยๆ เข้าก็จะทำให้เกิดโรคที่เรียกว่า "โรคบูลิเมีย เนอร์โวซา" ... นอกจากนี้น้องๆ บางคนก็จะใช้วิธีการจำกัดอาหาร ลดปริมาณให้น้อยที่สุด ลดจำนวนมื้อ เลือกกินอาหารเพียงบางหมวดหมู่ เพราะไม่ต้องการให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากทุกครั้งที่ส่องกระจกจะรู้สึกว่า ตัวเองอ้วนเกินไป ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว มีรูปร่างที่พอดีหรือผอมไปด้วยซ้ำ อาการดังกล่าวนี้เป็นอาการอย่างหนึ่งที่บ่งบอกได้ว่ากำลังป่วยเป็น "โรคอะนอร์เร็กเซีย เนอร์โวซา" ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่งนั่นเอง

เด็กดีดอทคอม :: ระวังเอาไว้ ผอมเกินไป ระวังกระดูกเปราะง่าย

     พี่เหมี่ยวเชื่อได้ว่ากว่า 80% ของวัยรุ่นที่นิยมลดน้ำหนักนั้น ก็เพื่อนที่จะอยากให้ตัวเองดูดี ใส่เสื้อผ้าตามแฟชั่นแล้วดูหล่อ - สวย แต่ในความเป็นจริงแล้วการลดน้ำหนักนั้นจำเป็นสำหรับคนที่เป็นโรคอ้วน ซึ่งเสี่ยงต่อการมีปัญหาสุขภาพ แต่ถ้าหากน้องๆ มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องลดน้ำหนักค่ะ ... น้องๆ Dek-D ทราบหรือเปล่าคะว่าการที่ร่างกายของเรามีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ หรือผอมเกินไปนั้น จะส่งผลเสียต่อระบบการทำงานในร่างกายของเรา

เด็กดีดอทคอม :: ระวังเอาไว้ ผอมเกินไป ระวังกระดูกเปราะง่าย     มีผลการศึกษาจากศูนย์การแพทย์นิกายโปรเตสแตนต์ – โคลัมเบีย มลรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พบว่าการโหมออกกำลังกายมากเกินไป และกินอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย (... ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่พบในสาวๆ ที่ต้องการลดความอ้วน) อาจทำให้กระดูกผุกร่อน เปราะบาง และแตกหักง่าย เนื่องจากร่างกายขาดสารอาหาร หรือเสียพลังงานอย่างมากไปกับกิจกรรมดังกล่าว ฮอร์โมนเลปติน ที่ทำให้อยากอาหารจะถูกสร้างมากขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะมีอาหารเข้าไปทดแทน แต่ถ้าหากเราทนอดอาหารไม่ยอมรับประทานอะไรเข้าไป ร่างกายของเราก็จะแก้ปัญหาโดยลดกิจกรรมต่างๆ ของอวัยวะลง กระบวนการสร้างกระดูกก็จะทำงานลดลง และถ้าหากเกิดสภาวะนี้ขึ้นบ่อยๆ กระดูกก็จะไม่สมบูรณ์ ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของปัญหากระดูกเปราะนั่นเอง 

     นอกจากนี้การลดน้ำหนักจนทำให้ร่างการขาดสารอาหารนั้น ยังมีผลต่อระบบการทำงานของร่างกายในด้านอื่นๆ อีก เช่น การตั้งหน้าตั้งตาลดน้ำหนักมากเกินไปจะทำให้เกิดความกังวลซึ่งเป็นที่มาของ โรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นการอาการผิดปกติของระบบประสาทและสมอง ผู้ที่มีอาการนี้จะมีลักษณะหงุดหงิดและฉุนเฉียวง่าย ร่างกายอ่อนแอ , การขาดสารอาหารจะทำให้ระบบเลือดในร่างกายขาดความสมบูรณ์ทำให้เป็นที่มาของ โรคโลหิตจาง , ระบบหัวใจทำงานผิดปกติ ตัวใจเต้นช้าหรือเร็วเกินไป เสี่ยงต่ออาการหัวใจวายเฉียบพลันและความดันโลหิตต่ำ , ร่างกายที่ขาดสารอาหารอาจทำให้มีอาการกล้ามเนื้อ่อนแรงและกระดูกพรุน เด็กดีดอทคอม :: ระวังเอาไว้ ผอมเกินไป ระวังกระดูกเปราะง่าย

เมื่อได้รับสารอาหารไม่ครบร่างกายจะขาดเกลือแร่บางชนิด การทำงานของระบบขับถ่ายจะไม่สมบูรณ์อาจมีอาการท้องอืดหรือท้องผูกได้บ่อยๆ และในรายที่ขาดสารอาหารอย่างหนัก มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดสภาวะระบบการทำงานของไตล้มเหลว ทำให้เกิดอาการนิ่วในไตและไตวายเฉียบพลันได้

เด็กดีดอทคอม :: ระวังเอาไว้ ผอมเกินไป ระวังกระดูกเปราะง่าย

     สำหรับในผู้หญิงถ้าหากขาดสารอาหารอย่างต่อเนื่องจะทำให้ขาดฮอร์โมนเพศ โดยจะมีอาการประจำเดือนจะน้อยลงหรือขาดประจำเดือน มีบุตรยาก หากตั้งครรภ์ก็เสี่ยงแท้งบุตรง่าย บุตรน้ำหนักตัวน้อย กระดูกบาง ขาดโกรทฮอร์โมน ทำให้ร่างกายเติบช้า และอ่อนเพลีย ส่วนคนที่ชอบควบคุมน้ำหนักด้วยการล้วงคอให้อาเจียนบ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดแผลในช่องปากและกระพุ้งแก้ม ทำให้มีอาการฟันผุและเกิดอาการเสียวฟัน เนื่องจากถูกกรดในกระเพาะอาหารที่ย้อนขึ้นมากับอาเจียนกัดทำลาย ...

10 ของใช้ใกล้ตัวที่สะสมเชื้อโรคไว้มากที่สุด!!


ถ้าหากจะพูดถึงสิ่งสกปรกที่อยู่รอบๆ ตัวเรา หรือพูดถึงสถานที่ที่สกปรกเต็มไปด้วยเชื้อโรค ส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่เรานึกถึงคงไม่พ้นลูกบิดประตูในห้องน้ำ หรือราวจับบนรถประจำทาง ซึ่งก็ไม่ผิดหรอกค่ะ สิ่งของพวกนั้นมันก็มีเชื้อโรคแฝงอยู่จริงๆ นั่นแหละ แต่พี่เหมี่ยวจะบอกให้นะคะว่าจริงๆ แล้วเชื้อโรคและความสกปรกอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด บางทีก็แฝงอยู่กับของใช้ส่วนตัวที่เราใช้อยู่เป็นประจำทุกวันก็ได้ ...

     ไม่เชื่อก็ลองมาดู "10 ของใช้ใกล้ตัวที่สกปรกที่สุด" ดูแล้สิคะ ... อ่านแล้วจะสยอง -..-*

เด็กดีดอทคอม :: 10 ของใช้ใกล้ตัวที่สะสมเชื้อโรคไว้มากที่สุด!!

>> ฟองน้ำล้างจาน
     ด้วยวัสดุและรูป ลักษณ์ของมันที่เต็มไปด้วยรูพรุนที่สามารถใหน้ำ อากาศ ออกซิเจน เศษอาหารเข้าไปอาศัยอยู่ จึงเป็นแหล่งชุมชนแออัดของเหล่าเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี แล้วคิดดูสิคะว่า ฟองน้ำที่เราใช้ล้างจานอยู่ที่บ้านทุกวันนั้นจะสกปรกแค่ไหน (-*-) ... อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ เราสามารถทำความสะอาดฟองน้ำให้ปราศจากเชื้อโรคได้โดยวิธีง่ายๆ คือ เอาไปต้มหรือให้ความร้อนผ่านไมโครเวฟซัก 60 วินาที แค่นี้ก็จัดการกับเชื้อโรคตัวร้ายได้แล้วล่ะ

>> อ่างล้างจาน
     เชื่อรึเปล่าคะว่า บริเวณอ่างล้างจานในบ้านเรา แต่ละตารางนิ้วนั้นมีเชื้อโรคอาศัยอยู่ถึง 500,000 ตัว OMG!!! ตายแล้วน่ากลัวมากๆ ... วิธีทำความสะอาดขจัดคราบที่คู่ควรกับตัวเลขห้าแสนนี้ ก็คือ ใช้โซดาไฟหรือน้ำส้มสายชูราดทำความสะอาดมันซะ แล้วตามด้วยน้ำเปล่าตามไปอีกที

เด็กดีดอทคอม :: 10 ของใช้ใกล้ตัวที่สะสมเชื้อโรคไว้มากที่สุด!! >> อ่างอาบน้ำ
     คิดไม่ถึงล่ะสิว่า ที่นี่จะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคเหมือนกัน ก็แหม คิดดูสิคะ ถ้าเราแช่น้ำในอ่างทุกวันคราบความสกปรกจากร่างกายเราก็ไปติดอยู่ที่อ่างมาก มาย และถ้าเราไม่หมั่นทำความสะอาดล่ะก็ รับรองได้เลยค่ะว่าอ่างอาบน้ำของเราจะเป็นฟาร์มเพราะพันธุ์เชื้อโรคชั้นดี เลยทีเดียว ... วิธีที่ดีที่สุดคือ ควรทำความสะอาดมันสัปดาห์ละครั้งเป็นอย่างน้อยนะคะ

>> รีโมททีวี
     กดกันได้กดกันดี เป็นอุปกรณ์ประจำบ้านที่กดกันทั้งครอบครัว แต่เชื่อเถอะค่ะว่า กว่า 90% เรามักจะไม่ได้ทำความสะอาดมันทั้งๆ ที่เราออกจะหยิบสอยใช้มันออกจะบ่อย ทำความสะอาดบ้านครั้งหน้าก็อย่าลืมหยิบรีโมทไปเช็ดถูกันบ้างนะคะ 
 
>> ตะกร้าช้อปปิ้ง
     เป็นสิ่งของที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน ไม่ว่าจะเป็น ของสด ของแห้งจากตลาด หรือความสกปรกจากพื้นเวลาที่เราวางตระกร้า สาระพัดสาระเพเชื้อโรคจากทั่วทุกสารทิศก็มารวมกันอยู่ที่ตระกร้าใส่ของที่เราใช้อยู่ทุกวันนี่ล่ะค่ะ -*-

>> ฝาที่นั่งชักโครก
     ฝาชักโครกที่บ้านเราอาจจะสะอาด(ประมาณนึง) เพราะเราทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ แต่ฝาชักโครกสาธารณะตามสถานที่ต่างๆ นี่สิคะน่ากลัวเป็นที่สุด โดยมีรายงานระบุว่า ทุกตารางนิ้วบนฝานั่งชักโครกมีเชื้อโรคอาศัยอยู่ถึง 295 ตัว -*-

>> โทรศัพท์มือถือ
     เดี๋ยวหยิบมาโทรคุย เดี๋ยวหยิบมาดูหนังฟังเพลง เดี๋ยวหยิบมาเล่นเกมส์ ... เชื่อไหมว่าโทรศัพท์มือถือที่เราใช้กันอยู่ประจำในชีวิตประจำวันนั้น เพียบพร้อมไปด้วยปัจจัยความเจริญของเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิอุ่นๆ เหมือนร่างกายมนุษย์ที่เชื้อโรคชอบ พร้อมซอกซอยร่องหลืบง่ายต่อการกบดานหลบหนี และยังเต็มไปด้วยโภชนาการและอาหารจากน้ำลายและขี้ไคลมนุษย์ แค่คิดก็สยองแล้วล่ะ

เด็กดีดอทคอม :: 10 ของใช้ใกล้ตัวที่สะสมเชื้อโรคไว้มากที่สุด!!

>> คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์
กินข้าว กินขนม แต่งหน้า หวีผม หรือบางคนก็เม้าท์พ่นไฟแชทหน้าเวบแคม รู้รึเปล่าคะว่าคีย์บอร์ดนั้นเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดีเลยทีเดียวล่ะ โดยเฉพาะเศษอาหาร ผิวหนัง เหงื่อไคลต่างๆ ที่ผู้ใช้คอมทำตกลงไปในคีย์บอร์ด -*- ซึ่งหลายคนก็ไม่ค่อยสนใจหรอกค่ะ เพราะว่าส่วนใหญ่ความสกปรกต่างๆ มันจะตกลงไปในร่องคีย์บอร์ด ทำให้ยากต่อการมองเห็นว่าสกปรกและยากต่อการทำความสะอาด ทำให้ไม่มีใครสนใจจะทำความสะอาดกันเท่าไหร่นัก จึงทำให้คีย์บอร์ดกลายเป็นแหล่งหมักหมมเพาะพันธุ์เชื้อโรคชั้นดี รายงานระบุว่าคีย์บอร์ดที่ได้รับการสำรวจนั้นสกปรกกว่าฝานั่งชักโครกถึง 40 เท่าเลยทีเดียว OMG!!!!

>> สวิตช์เปิด
จะบอกให้นะคะว่าเชื้อโรคมักจะไปสะสมอยู่ตามปุ่มสวิทปิดเปิดไฟที่ต้องกดกันอยู่ทุกวัน ผู้เชี่ยวชาญเผยว่าทุกๆ ตารางนิ้วบนสวิตช์ไฟที่เราเอานิ้วไปโดน เชื้อโรคสามารถย้ายสำมโนครัวตามติดมือไปได้ถึง 217 ตัวเลยล่ะค่ะ

เด็กดีดอทคอม :: 10 ของใช้ใกล้ตัวที่สะสมเชื้อโรคไว้มากที่สุด!!

>> เงิน ได้แก่ ธนบัตร เหรียญ
     มีเงินเรียกน้อง มีทองเรียกพี่ แต่มีเชื้อโรคอยู่แบบนี้เขาเรียกว่า หายนะ  ... แบงค์ที่เราหยิบจ่ายซื้อของกันอยู่ทุกวันนี้ มีเชื้อโรคอยู่ประมาณ 135,000 ตัว และพวกเราทุกคนก็มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อโรคนั้นกันอยู่ทุกครั้งที่จับแบงค์ ตายแล้ว แล้วแบบนี้จะทำยังไงกันล่ะ T^T

     ... เชื้อโรคร้ายใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิดจริงๆ ด้วยล่ะ แบบนี้เราคงจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของความสะอาดมากขึ้นแล้ว ทางที่ดีไปไหนมาไหนพกเจลล้างมือติดกระเป๋าไว้ ไปจับไปสัมผัสอะไรถ้าไม่แน่ใจเรื่องความสะอาดก็จัดการล้างมือฆ่าเชื้อไว้ก่อน วิธีนี่ก็น่าจะช่วยได้