วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ดื่มน้ำบำบัดโรค

คุณรู้หรือไม่ว่าการดื่มน้ำนั้นสามารถบำบัดรักษาโรคได้หลายชนิดอย่างมหัศจรรย์ วิธีการดื่มน้ำเพื่อบำบัดโรคคุณจะต้องดื่มน้ำในขณะที่ท้องว่าง ในประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่ขึ้นชื่อด้านคนที่อายุยืนที่สุดในโลก ชาวญี่ปุ่นจะดื่มน้ำทันที หลังจากตื่นนอนตอนเช้า ( ก่อนแปรงฟัน ) เพื่อการรักษาสุขภาพที่ดี มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ พบว่าน้ำสามารถใช้ชะลอความแก่ และสามารถบำบัดรักษาโรคเหล่านี้ได้ผล 100% เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่สามารถหายได้ทันทีเหมือนยาสมัยปัจจุบัน โรคต่างๆเหล่านี้ที่สามารถบำบัดได้ด้วยการดื่มน้ำเปล่าตอนเช้าได้แก่ ปวดหัว ปวดตามตัว โรคระบบหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจเต้นเร็ว โรคลมบ้า หมู โรคอ้วน โรคหลอดลมอักเสบ โรคหืด วัณโรค อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ โรคไตและยูริก โรคแสลง คลื่นไส้ต่างๆ โรคกระเพาะ โรคท้องร่วง โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน โรคอาการท้องผูก โรคตา โรคภายในสตรี มะเร็ง รอบเดือนไม่ปกติ โรคคอ หู จมูก

วิธีการปฏิบัติ

1. ตื่นนอนตอนเช้า ก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำ 4 แก้ว ( 640 ซีซี)
2. หลังจากนั้นสามารถและล้างหน้าอาบน้ำได้ แต่ต้องไม่ดื่ม หรือรับประทานอะไร ? จนกว่า 45 นาทีผ่านไป จึงจะรับประทานได้ตามปกติ
3. หลังรับประทานอาหารเช้า กลางวัน เย็น ไปแล้ว 15 นาที ไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานอะไร จนกว่า 2 ชั่วโมงผ่านไป
4. ผู้ป่วย หรือคนชรา ที่ไม่สามารถดื่มน้ำ 4 แก้ว ก็ให้ค่อยๆ ดื่ม ค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ จนได้ครบ 4 แก้ว

ข้อ ปฏิบัติ 4 ข้อดังกล่าว จะทำให้ท่านบำบัดรักษาโรคที่เป็นอยู่ค่อยๆ เบาและหายขาดได้ในที่สุด ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่อาจปัสสาวะบ่อยขึ้น แลหลังดื่มน้ำไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง จะปวดปัสสาวะ

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

E.coli : อี.โคไลแบคทีเรียร้ายใกล้ตัวเรา

ในรอบไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มนุษย์โลกได้แตกตื่นกับเชื่อโรคสายพันธ์ใหม่อีกแล้ว คราวนนี้มาในนาม Escherichia coli (“เอสเชอริเชีย โคไล” หรือ “เอเชอรีเกีย โคไล” ) หรือเรียกโดยย่อว่า E.coli : อี.โคไล เป็นแบคทีเรียในกลุ่มโคลิฟอร์ม เป็นตัวชี้การปนเปื้อนของอุจจาระในน้ำ มีอยู่ตามธรรมชาติในลำไส้ใหญ่ของสัตว์และมนุษย์ แบคทีเรียชนิดนี้ทำให้เกิดอาการท้องเสียบ่อยที่สุด ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ทำให้ถ่ายอุจจาระเหลว หรือเป็นน้ำ แต่อาการมักไม่รุนแรง เพราะทั้งเด็ก และผู้ใหญ่มักมีภูมิต้านทานอยู่บ้างแล้ว เนื่องจาก ได้รับเชื้อนี้เข้าไปทีละน้อยอยู่เรื่อยๆ เชื้อนี้มักปนเปื้อนมากับอาหาร น้ำ หรือ มือของผู้ประกอบอาหาร ปกติเชื้อเหล่านี้อาจพบในอุจจาระได้อยู่แล้วแม้จะไม่มีอาการอะไร มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น พม่า ไทย ลาว กัมพูชา อินโดนิเซีย เป็นต้น แต่ทั้งนี้ แบคทีเรียE.coli : อี.โคไล นั้นมีอยู่หลายชนิด แต่เชื้อแบคทีเรียE.coli : อี.โคไลที่ระบาดอยู่ในทวีปยุโรปนั้น เป็นเชื้อแบคทีเรียอีโคไล ชนิด โอ104 ผลิตสารพิษชิก้า (STEC) ซึ่งเป็นเชื้อชนิดที่มีความรุนแรงมาก และเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิ 35-37 องศาเซลเซียส

เชื้อE.coli : อี.โคไล แพร่สู่คนได้อย่างไร

เชื่อแบคทีเรียE.coli : อี.โคไลจะแพร่สู่คนได้จากการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีเชื้อแบคทีเรีย ชนิดนี้ปนเปื้อนอยู่ ซึ่งเชื้อชนิดนี้มักจะปนเปื้อนอยู่ในอาหารที่ได้รับการปรุงไม่ถูกสุขลักษณะ

เมื่อติดเชื้อ แบคทีเรียE.coli : อี.โคไล แล้ว จะมีอาการอย่างไร

E.coli : อี.โคไล

E.coli : อี.โคไล

เริ่มแรกผู้ป่วยจะมีอาการท้องร่วงเล็กน้อย จนกระทั่งรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีอาการปวดท้อง ถ่ายเหลว อาจจมีเลือดปน มีไข้ อาเจียน ถ้า หากไม่หายภายใน 10 วัน ควรไปพบแพทย์เป็นการด่วน ไม่เช่นนั้นผู้ป่วยจะเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก และไตวาย อาจจะทำให้เสียชีวิตในที่สุด นอกจากนี้ผู้ป่วยไม่ควรรับประทานยาระงับการถ่ายอุจจาระ เพราะยาประเภทนี้จะทำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้นกว่าเดิม

ทดลองทำฝนเทียมด้วยเลเซอร์สำเร็จเหนือกรุงเบอร์ลินได้


ล่าสุดมีการทดลองทำฝนเทียมด้วยการใช้ลำแสงเลเซอร์ยิงขึ้นไปก่อเมฆย่อยๆ ขึ้นบนฟ้าเหนือกรุงเบอร์ลิน หลังจากได้ทดลองทำ ขึ้นในห้องปฏิบัติการสำเร็จมาแล้ว…

นักวิทยา ศาสตร์บรรยากาศชาวสวิส อ้างว่าพบวิธีทำฝนเทียมแบบใหม่ โดยใช้ลำแสงเลเซอร์ยิงขึ้นไปก่อเมฆย่อยๆขึ้นบนฟ้าเหนือกรุงเบอร์ลิน หลังจากได้ทดลองทำ ขึ้นในห้องปฏิบัติการสำเร็จมาแล้ว

นักวิทยาศาสตร์ หลายชาติได้พยายามสร้างฝนเทียมขึ้นมานานแล้ว โดยการใช้ผลึกซิลเวอร์ ไอโอไดด์ หว่านในเมฆระดับสูงในชั้นบรรยากาศ ผลึกจะก่อให้เกิดหยดน้ำเม็ดโตขึ้นรอบๆตัวเอง และเมื่อมีขนาดโตขึ้นก็ตกลงมาเป็นฝน

นิตยสาร “เดอะ นิว ไซเอนติสท์” อันมีชื่อเสียง ได้แจ้งว่า บัดนี้นักวิทยาศาสตร์เจโรม คาสปาเรียน มหาวิทยาลัยเจนีวาได้คิดค้นวิธีทำฝนเทียม ด้วยแสงเลเซอร์ และได้ทดลองทำในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ และบนท้องฟ้าเหนือกรุงเบอร์ลินสำเร็จมาแล้ว

ในการทดลองในห้องปฏิบัติ การ คณะนักวิจัยได้ยิงลำแสงเลเซอร์อินฟราเรดอันเข้มข้นเป็นจังหวะสั้นๆเข้าไปใน ห้องที่เต็มไปด้วยอากาศที่อิ่มน้ำ ภายใต้อุณหภูมิ -24 องศาเซลเซียส สามารถก่อเมฆสายขึ้นมาได้ มองเห็นเหมือนกับลำไอเสียของเครื่องบิน เมื่อวิเคราะห์ ปริมาตรของหยดน้ำที่กลั่นตัวขึ้นภายหลังพบว่าได้เพิ่มขึ้นอีกครึ่งเท่าตัว ซึ่งหากเป็นภายในก้อนเมฆตามธรรมชาติบนฟ้าปริมาณของหยดน้ำที่กลั่นตัว จะเพิ่มทวีขึ้นเป็น 100 เท่า.

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ควันธูปภัยร้ายใกล้ตัว

ธูปทำมาจากขี้เลื่อย กาว น้ำมันหอมสกัดจากพืช ใบไม้ เปลือกไม้ รากไม้ เมล็ดพืช เรซิน และสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอมพอกอยู่บนก้านไม้

ธูปมีหลายรูปแบบ หลายขนาด ตั้งแต่เล็กถึงใหญ่มาก ๆ สามารถเผาไหม้หมดได้ในเวลา 20 นาที ถึง 3 วัน 3 คืนก็มี คาดว่า มีคนจุดธูปทั่วโลกปีหนึ่ง ๆ เป็นหมื่น
ถึงแสนตัน

การเผาไหม้ของธูปจะปล่อยสารต่าง ๆ มากมาย มีทั้งฝุ่นละอองขนาดเล็ก ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ มีเทน และสารก่อ
มะเร็งหลายชนิด เช่น สาร PAH ซึ่งพบว่า มีความสัมพันธ์กับมะเร็งปอด ผิวหนัง และกระเพาะปัสสาวะ , สารเบนซีน สัมพันธ์กับมะเร็งเม็ดเลือดขาว และสาร 1,3-บิวทาไดอีน
สัมพันธ์กับมะเร็งของระบบเลือด

นอกจากควันธูปเป็นมลพิษทางอากาศที่สำคัญในบ้าน อาคาร สถานที่ทำงาน วัด และศาลเจ้าที่มีการจุดธูปแล้ว การจุดธูปยังถือเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมในกิจวัตร
ประจำวันของมนุษย์ ที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนด้วย

การจุดธูปเป็นวัฒนธรรมที่มีรากฐานจากความเชื่อที่มีมาแต่โบราณสืบทอดต่อ ๆ กันมาว่า ทำให้สิ่งที่เราสักการะรับทราบถึงการกระทำของเรา การจุดธูปนั้นก่อให้เกิด
ความสุขทางจิตใจ แต่สิ่งที่เราคาดไม่ถึงคือ การส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน และอาจทำให้เกิดโรคมะเร็ง

เราควรจะปรับเปลี่ยนความเชื่อและพฤติกรรมนี้ใหม่ โดยหันมาคำนึงถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและตัวเรา ด้วยการรณรงค์ให้ทั่วโลกลดการจุดธูปโดยเริ่มจากคนไทยก่อน

ทางเลือกใหม่…ใส่ใจสุขภาพ

1.ใช้ธูปที่มีขนาดสั้นลง หรือเป็นแบบชนิดไฟฟ้า

2.หากจำเป็นต้องจุดธูป ควรตั้งกระถางธูปไว้ภายนอกอาคารที่อากาศถ่ายเทสะดวก

3.จุดธูปแล้วรีบดับ โดยจุ่มลงในน้ำหรือทราย

4.อาจสักการะได้โดยการพนมมือ หรือถือธูปไว้ แต่ไม่จุด แล้วระลึกถึงสิ่งที่เราจะสักการะ

5.การไหว้พระออนไลน์ ซึ่งเราสามารถจุดธูปเทียน ถวายดอกไม้ ปิดทองพระ ท่องบทสวด ภาวนาจิตผ่านทางคอมพิวเตอร์ได้

หากทุกคนช่วยกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราก็เป็นคนหนึ่งที่จะมีส่วนช่วยในการลดการปลดปล่อยมลพิษ และก๊าซเรือนกระจก
ลดภาวะวิกฤติโลกร้อน และยังช่วยลดอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งลงได้

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เตือนภัยกล้องตัวจิ๋วแอบถ่ายใต้กระโปรง


เตือนภัยกล้องตัวจิ๋วแอบถ่ายใต้กระโปรง



เทคโนโลยีด้าน It ก้วล้ำไปไกลมาก ถ้าหากเราใช้อยากถูกวิธีก็จะเป็นประโยชน์กับโลกของเราอย่างมากแต่ถ้าใช้ในทางที่ผิดก็จะเป็นภัยมหันต์ล่าสุดมีภัยสังคมระดับไฮเทคประเภท “แอบถ่าย” ปรากฏเป็นข่าวบ่อยครั้ง หนาหูขึ้นในช่วงนี้

ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.พระนคร ศรีอยุธยา เพิ่งจับกุมตัวหนุ่มโรคจิตสะสมคลิปแอบถ่ายใต้กระโปรงหญิงสาวจำนวนมากได้คาโรงพัก

หลังเกิดอารมณ์คึกคะนองควัก “กล้องปากกา” ออกมาแอบถ่ายภาพตำรวจบนโรงพักที่กำลังนอนหลับ

อุปกรณ์แอบถ่ายต่างๆ เหล่านี้นับวันยิ่งมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีบันทึกภาพและหน่วยความจำ

ปัจจุบันหาซื้อกันได้อย่างง่ายดายผ่านเว็บไซต์ทั้งไทยและเทศ

มีชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่าสินค้ากลุ่ม “Spy Camera” (กล้องสอดแนม) และ “Hidden Camera” (กล้องแอบถ่าย)

ส่วนมากจะโฆษณาประสิทธิภาพว่าเอาไว้ใช้สำหรับอาชีพนักสืบ งานราชการ

หรือซื้อไว้ถ่ายบันทึกความเคลื่อนไหวในบ้านเพื่อความปลอดภัย

แต่ก็มีคนหัวหมอนำมาใช้ในทางที่ผิดดังที่เห็นเช่นทุกวันนี้

ลักษณะกล้องแอบถ่ายพอแยกได้เป็น 2 กลุ่ม

กลุ่มแรกเป็นแบบที่ต้องติดตั้ง หรือวางไว้อยู่กับที่ เช่น ซ่อนไว้ในห้องหรือจุดต่างๆ มีขายทั้งแบบเป็น “เลนส์จิ๋ว” ส่งสัญญาณภาพด้วยระบบมีสาย ไร้สาย

รวมทั้งอำพรางไว้ในรูปแบบสิ่งของทั่วๆ ไป เช่น ฝังอยู่ในนาฬิกา จอโทรทัศน์ ตุ๊กตา เครื่องฟอกอากาศ กล่องทิชชู ฯลฯ

กลุ่มที่สองเป็นแบบพกพาติดตัวได้ โดยเลนส์ขนาดเล็กของกล้องจะฝังซุกซ่อนอยู่กับเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ปากกา แว่นตา นาฬิกาข้อมูล รองเท้า กระดุม ซองหมากฝรั่ง แท่งยูเอสบีเมมโมรี่สติ๊ก

บางรุ่นที่มีหน่วยความจำรุ่นใหม่ๆ ในตัว สามารถบันทึกภาพได้ต่อเนื่องกว่า 60 นาที

สนนราคาเฉลี่ยตั้งแต่หลักพันไปจนถึงเหยียบหมื่นบาท

เว็บไซต์ associatedcontent.com ของสหรัฐอเมริกาให้ข้อมูลแนะนำวิธีป้องกันตัวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมนุษย์โรคจิตแอบถ่าย ว่า

สถานที่ที่มีโอกาสโดนแอบถ่ายสูง ได้แก่ พื้นที่สาธารณะที่มีคนชุมนุมกันมากๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้า งานเทศกาล งานคอนเสิร์ต สถานีระบบขนส่งมวลชน ฯลฯ

ดังนั้น สุภาพสตรีควรต้องแต่งกายด้วยความระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ไม่ควรสวมกระโปรงสั้น

ถ้ารู้สึกว่ามีใครเข้ามาประชิดตัวใกล้เกินไปให้เดินออกห่าง

ในกรณีที่เช่าห้องพัก หรือบ้านพัก ควรตรวจสอบรายละเอียดภายในห้องให้เรียบร้อย และขอเดินดูตัวอาคารโดยรอบ

ถ้าเจ้าของตึกปฏิเสธไม่ควรทำสัญญาเช่าเด็ดขาด

เทคนิคตรวจหากล้องแอบถ่ายขั้นสูงขึ้นไปอีก ก็คือ ซื้ออุปกรณ�ตรวจจับเลนส์แอบถ่ายด้วยแสงอินฟราเรด หรือแสง LED ความเข้มสูง

แต่ต้องเสียเงินหลายพันบาท

วิธีง่ายๆ และได้ผลดีพอๆ กันก็คือ ถ้าสงสัยว่าในห้องพัก ห้องลองเสื้อ หรือสถานที่ใดๆ ก็ตามอาจมีกล้องแอบถ่ายติดตั้งอยู่ ให้นำ “โทรศัพท์มือถือ” ขึ้นมาเปิดระบบถ่ายวิดีโอ แล้วเล็งเลนส์มือถือไปยังจุดที่ต้องการตรวจสอบ

ถ้าพบ “จุดแสงกะพริบๆ” ตลอดเวลาตรงไหน แสดงว่าจุดนั้นมีกล้องแอบถ่ายซุกซ่อนอยู่อย่างแน่นอน

ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

หรือตำรวจมาตรวจสอบได้ทันที