วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

ทำยังไงดี ง่วง เวลาอ่านหนังสือตลอดเลย

การแก้ไขอาการง่วงนอนขณะอ่านหนังสือหรือเรียน





  1. นั่งหลังตรง เมื่อไหร่ที่เริ่มงอและเริ่มคลานนั่นคืออาการของความง่วงแล้ว




  2. หยุดพักสายตาจากการอ่านหนังสือสักพัก เงยหน้าขึ้นมามองวิวทิวทัศน์ซักหน่อย




  3. ล้างหน้าล้างตากันสักนิด ออกเดินทางไปห้องน้ำสักหน่อย -*- ลืมตาในน้ำลองดู




  4. ชวเลขแก้เซง งงอ่าดิ 55+ มันก็คือการ Short note นั่นแหล่ะมันนจะช่วยให้เราคิดในสิ่งที่ได้ฟังได้รับและถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ ทำให้เรามีสติในการเรียนการอ่านมากยิ่งขึ้น นอกจากทำให้หายง่วงแล้ว ยังเป็นการทบทวนความรู้ไปในตัวด้วย




  5. ยืดเส้นยืดสายกันดีกว่า ลองวางหนังสือและลุกขึ้นมาเต้นท่าบ้าๆบอๆหน้ากระจกสัก 1 นาทีครับเอาให้เตลิดสุดๆไปเลย หรือไม่จะกระโดดตบหรืออะไรก็ได้ มันจะทำให้ร่างกายของเราหลั่งฮอร์โมนชนิดหนึ่งออกมา แล้วทำให้เราไม่ง่วง ทดลองดูได้ ก่อนนอนไปวิ่งๆๆๆๆๆ สักหลายๆรอบแล้วมานอนดู เราจะนอนไม่หลับ หรือถ้าจะหลับก็ใช้เวลานานมากๆ




  6. จ้างวานคนแถวนั้น ถ้าเป็นที่โรงเรียนก็เพื่อนๆ ถ้าเป็นบ้านก็พ่อแม่พี่น้อง ให้เค้าคอยดูคอยเรียกด้วยถ้าหลับ ของพวกผมที่อยู่ในห้องเรียนเวลาใครหลับจะตกลงกันเลยให้รุมกัน อั๊ก (ทุบหลัง) ได้เลย 55+ ช่วยได้มาก มันจะไม่มีใครกล้าหลับเลย เพราะทุกคนในห้องมันจ้องอยู่ แนวว่า หลับเมื่อไหร่เมิงตาย




  7. นกหวีดช่วยชีวิต อันนี้ก็ง่ายๆ ลุกขึ้นมาเป่านกหวีดปี๊ดดดดด.... ~ ดังๆ เอาให้สุดลมหายใจ และให้แสบแก้วหูสุดๆไปเลย ช่วยได้เหมือนกัน




  8. ตะโกนให้กำลังใจตัวเองไปเลยครับ ประกาศให้คนทั่วบริเวณนั้นได้รับรู้ 55+ กุเก่งว้อยยย!!” กุไม่ง่วงหรอกเว้ยยย อีกนิดเดียวจะเสร็จแล้ววู้ยยย สู้เค้าโว้ยย อะไรก็แล้วแต่



  9. รับบทนางเอกเจ้าน้ำตา หลังจากวิธีธรรมดามันเอาไม่อยู่ -*- ซาดิสกันขึ้นมาอีกระดับ อันนี้ไม่แนะนำให้ทำกันนะ แต่บางครั้งสถานการณ์เลวร้าย สอบพรุ่งนี้เรายังไม่ได้อ่านสักตัวเลย วิธีนี้ก็ช่วยได้ ทาถูๆตรงโหนกแก้วต้าอ่ะ สักพักจะเกิดอาการเศร้าซึ้ง น้ำตาพรากกันเลยทีเดียว ไม่หลับชัว




  10. แก้ง่วง 5 บาท อันนี้ต้องขอบคุณบทความในเด็กดีครับผมเคยอ่านเจอ เค้าบอกให้ไปซื้อน้ำแข็งถุงละ 5 บาทมาใส่กะละมังแล้วเอาเท้าแช่น้ำเย็นๆในนั้นอ่ะ ก็ยังไม่เคยลองเหมือนกันแต่เห้นเค้าว่ามาแบบนี้ใครลองแล้วว่าไงก็มาบอกกันบ้างแล้วกัน

“มารความง่วง”

วิธีการหลีกเลี่ยงมารความง่วง





  1. หลีกเลี่ยงสถานที่ที่จะนำเราไปสู่การหลับฝัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนอนอ่านหนังสือหรือนั่งอ่านบนเตียงเนี่ยแหล่ะ 55+ เคยเป็นมั้ยนั่งอ่านอยู่แล้วไถลไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นท่านอน แล้วก็หลับคาหนังสือไปในที่สุด 55+ เพราะฉะนั้นเป็นไปได้อยู่ห่างจาก เตียง หมอน โซฟา อะไรที่ให้ความรู้สึกนุ่มๆ เคลิ้มๆ หรือสร้างบรรยากาศถึงการหลับนอนอ่ะ ทิ้งไปให้หมด




  2. อ่านในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ เคยเห็นในหนังมั้ยครับที่แบบปิดไฟมืดๆ แล้วเรามานั่งบนโต๊ะ เปิดไฟเหลืองๆ สลัวๆอ่านหนังสือ บางคนคงแบบอย่างนี้อ่ะดีจัดบรรยากาศการอ่านหนังสือให้โรแมนติก 55+รับรองว่าเราจะได้โรแมนติกกันถึงในฝันแน่นอน เพราะว่าในการอ่านตาของเราต้องการแสงสว่างที่เพียงพอถ้าอ่านในที่สลัวๆตาของเราจะต้องทำงานหนัก เมื่ออ่านได้สักพักก็จะเกิดอาการเมื่อยล้าของดวงตา จนต้องหลับเพื่อพักสายตาในที่สุด ดังนั้นถ้าอยากอ่านหนังสือได้นานๆ ต้องอ่านในที่สว่างไว้




  3. step by step ครับ เวลาอ่านหนังสือไปทีละเรื่องอย่าข้ามเรื่อง สังเกตุได้จากเวลาเรียนเช่นกัน เวลาเราขาดเรียนไปนานๆ พอเข้ามาเรียนแล้วเรียนไม่รู้เรื่องเราก็จะง่วงและหลับลงในที่สุด เพราะงั้นการเรียนและการอ่านเราต้องไปทีละขั้นนะ ตามเนื้อหาของมัน จำไว้ ความงงเป็นบ่อเกิดของความง่วง งงมากก็ง่วงมาก งงน้อยก็ง่วงน้อย ไม่งงเลยก็จะไม่ง่วงเลย ^^




  4. กินแต่พอดีครับ การกินอาหารก่อนการเรียนหรืออ่านหนังสือนี่ก็เกี่ยวนะ เราควรกินพอดีๆ ไม่ให้อิ่มมากเกินไป ตามคำกล่าวที่ว่า หนังท้องตึง หนังตาหย่อนครับ ถ้าอิ่มมากๆจะทำให้เราง่วง




  5. พักผ่อนให้เพียงพอด้วยล่ะ เคยรู้สึกมั้ยวันไหนที่เรานอนมาเต็มที่ทั้งวันและ จะพยายามนอนอีกเท่าไหร่ก็นอนไม่หลับเพราะร่างกายเรามันพักผ่อนเต็มที่ไปแล้ว เพราะงั้นการพักผ่อนให้เต็มที่ก็เป็นวิธีป้องกันที่ดีอีกทางหนึ่ง




  6. อย่าหักโหมให้มากเกินไปครับ ความพอดีอีกแล้วครับ การอ่านหนังสือเนี่ยเราจะต้องใช้สมองไปด้วย แน่นอนว่ายิ่งใช้มากก็จะเหนื่อยล้า เพราะฉะนั้นเราก็ควรมีช่วงเวลาพักครึ่งในการอ่านหนังสือบ้าง แล้วค่อยกลับมาอ่านต่อ

เทคนิคการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบให้ได้ผล ใน 1 เดือน

เทคนิคการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบให้ได้ผล ใน 1 เดือน

1. ต้องเลิกเที่ยว เลิกดื่ม เลิกสร้างบรรยากาศที่ไม่ใช่การเตรียมสอบ เลิก chat ตอนดึกๆ เลิกเม้าท์โทรศัพท์นานๆ ตัดทุกอย่างออกไป ปลีกวิเวกได้เลย ต้องทำให้ได้ ถ้าไม่ได้อย่าคิดเลยว่าจะสอบติด ฝันไปเถอะ

2.ตัดสิน ใจ ให้เด็ดขาด ว่าต่อไปนี้จะทำเพื่ออนาคตตัวเอง บอกเพื่อน บอกพ่อแม่ บอกทุกคนว่า อย่ารบกวน ขอเวลาส่วนตัว จะเปลี่ยนชีวิต จะกำหนดชีวิตตัวเอง จะกำหนดอนาคตตัวเอง เพราะเราต้องการมีอนาคตที่กำหนดได้ด้วยตัวเอง ใช่หรือไม่

3.ถ้าทำ 2 ข้อไม่ได้ อย่าทำข้อนี้ เพราะข้อนี้คือ ให้เขียนอนาคตตัวเองไว้เลยว่า จะเรียนต่อคณะอะไร จบแล้วจะเป็นอะไร เช่น จะเรียนพยาบาล ก็เขียนป้ายตัวใหญ่ๆ ติดไว้ข้างห้อง มองเห็นตลอดเลยว่าเราจะเป็นพยาบาลจะเรียนแพทย์ก็ต้องเขียนไว้เลยว่าปีหน้าจะไปเหยียบแผ่นดินแพทย์จุฬาอะไรทำนองนี้ เพื่อสร้างเป้าหมายให้ชัดเจน

4.เตรียม ตัว สรรหาหนังสือ หาอาจารย์ติว หาเพื่อนคนเก่งๆ บอกกับเค้าว่าช่วยเป็นกำลังใจให้เราหน่อย ช่วยเหลือเราหน่อย หาหนังสือมาให้ครบทุกเนื้อหาที่จะต้องสอบ เตรียมห้องอ่านหนังสือ โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ ให้พร้อม

5.เริ่มลงมือ อ่านหนังสือ เริ่มจากวิชาที่ชอบ เรื่องที่ถนัด ก่อน ทำข้อสอบไปด้วย ทำแบบฝึกหัดจากง่ายไปยาก ค่อยๆ ทำ ถ้าท้อก็ให้ลืมตาดูป้าย ดูรูปอนาคตของตัวเอง ต้องลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่างน้อยวันละ 10 ชั่วโมง แล้วจะทำได้ไง วิธีการคือ อ่านทุกเมื่อที่มีโอกาส อ่านทุกครั้งที่มีโอกาส หนังสือต้องติดตัวตลอดเวลา ว่างเมื่อไรหยิบมาอ่านได้ทันที อย่าปล่อยให้ว่างจนไม่รู้จะทำอะไร ที่สำคัญอ่านแล้วต้องมีโน้ตเสมอ ห้ามนอนอ่าน ห้ามกินขนม ห้ามฟังเพลง ห้ามดูทีวี ห้ามดูละคร ดูหนัง อ่านอย่างเดียว ทำอย่างจริงจัง

6.ข้อนี้สำคัญมาก หากท้อให้มองภาพอนาคตของตัวเองไว้เสมอ ย้ำกับตัวเองว่าเราต้องกำหนดอนาคตของตัวเอง ไม่มีใครกำหนดให้เรา เราต้องทำได้ เพราะไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ให้ กำลังใจกับตัวเองอยู่เสมอ บอกกับตัวเองอย่างนี้ทุกวัน หากท้อ ขอให้นึกว่า อย่างน้อยก็มีผู้เขียนบทความนี้เป็นกำลังใจให้น้องๆ เสมอ นึกถึงภาพวันที่เรารับปริญญา วันที่เราและครอบครัวจะมีความสุข วันที่คุณพ่อคุณแม่จะดีใจที่สุดในชีวิต ต่อไปนี้ต้องทำเพื่อท่านบ้าง อย่าเห็นแก่ตัว อย่าขี้เกียจ อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง เลิกนิสัยเดิมๆ เสียที

การจัดตารางการอ่านหนังสือ

จริงๆ แล้วการอ่านหนังสือตอนที่พี่อ่านเตรียมสอบ ไม่ได้จัดตารางเลยครับ เพราะเคยทำแล้ว ทำไม่ได้ แล้วจะอ่านให้มีประสิทธิภาพทำอย่างไร ตอบได้คำเดียวครับอ่านเมื่ออยากอ่านแต่ต้อง ไม่ใช่ว่ามีแต่ไม่อยากอ่านนะ ต้องทำให้อยากอ่านบ่อยๆ อยากอ่านมากๆ อยากรู้มากๆ เพื่อให้การอ่านมีประสิทธิภาพ ครับ อ่านทุกเวลาที่สามารถทำได้นั่นแหละดีที่สุด เพื่อนพี่เคยติดสูตรไว้ในห้องน้ำ พกสูตรติดตัว พกโน้ตย่อไว้ที่กระเป๋าเสื้อตลอดเวลา บางคนมีหนังสือติดตัวทุกที่ เพื่อให้ อยากอ่านเมื่อไร ก็หยิบขึ้นมาอ่านได้ทันที ไม่ต้องรอเวลา ไม่ต้องจัดตาราง

เอาละ แล้วถ้าจะจัดตารางเวลาอ่านหนังสือ จะทำยังไงดี พี่ขอว่าเป็นข้อๆ เลยดีกว่าครับ
1. เลือกเวลาที่เหมาะสม
เวลา ที่เหมาะสมหมายความว่า เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้าตรู่ บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน น้องต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเองนะครับ การจัดเวลาต้องให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมงครับ วันนึงถ้าอ่านหนังสือแค่วันละ 2 ชั่วโมงน้อยมาก
2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา
ขั้น ตอนต่อมา คือ เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะครับ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่า การอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
3. ลงมือทำ
ยัง ไง ถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เหมือนกับที่พี่เคยเขียนไว้ว่า อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะครับ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆทำอะไร ทำจริงแล้วกันนะครับ ทำให้ได้จริงๆ
4. ตรวจสอบผลงาน
ผล ของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะครับ จะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ


ความรู้รอบตัว 2

1.โรงงานอุตสาหกรรมแป้งมัน ทำมากที่สุดที่ จ.ชลบุรี

2.หวายของไทยมีมากที่สุดที่ จ.ชุมพร

3.จังหวัดที่มีแร่วุลแฟลมมากที่สุด จ.กาญจนบุรี

4.นกนางแอ่น มีมากที่สุดที่ จ.ชุมพร

5.หินอ่อนในประเทศไทยมีมากที่ จ.สระบุรี

6.ภาคใดของประเทศไทยมีการเลี้ยงไหมมากที่สุด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

7.ภาคใดของประเทศไทยมีการเลี้ยงไหมมากที่สุด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

8.ถ่านหินมีมากที่ จ.ลำปาง และ จ.กระบี่

9.ส้มเขียวหวาน ที่นิยมกันว่ามีรสชาดดีอยู่ที่ อ.บางมด กรุงเทพมหานคร

10.ทองคำมีมากที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์,อ.โต๊ะโมะ จ.ยะลา และ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี

11.จังหวัดทางภาคใต้ของไทยที่มีชาวไทยมุสลิมอาศัยอยู่มาก จ.ปัตตานี,จ.ยะลา,จ.นราธิวาส และ จ.สตูล

12.ปลาที่ชาวประมงจับได้มากที่สุด ปลาทู

13.ปลาที่ใหญ่ที่สุดในลำน้ำโขง ปลาบึก

14.กษัตริย์ไทยพระองค์แรกท พ่อขุนศรีอินทราทิตย์

15.นายกรัฐมนตรีคนแรกของไทยท พระยามโนปกรณ์นิติธาดา

16.สมเด็จพระสังฆราชองค์แรกของเมืองไทย(กรุงรัตนโกสินทร์) สมเด็จพระสังฆราชศรี วัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรี

17.ประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของไทย เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี

18.สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหญิงคนแรกของไทย นางอรพินท์ ไชยกาล

19.อธิบดีหญิงคนแรกของไทย คุณหญิงอัมพร มีศุข อธิบดีกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ

20.จอมพลคนแรกของเมืองไทย จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯกรมพระยาภาณุพันธ์วงศ์วรเดช

21.นักดาราศาสตร์คนแรกของไทย รัชกาลที่ 4 (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)

22.นางสาวไทยคนแรก นางสาวกันยา เทียนสว่าง

23.นักมวยไทยคนแรกที่ได้ครองตำแหน่งแชมป์โลก นายโผน กิ่งเพชร

24.นักพากย์ภาพยนตร์คนแรกของไทย นายสิน สีบุญเรือง (ทิดเขียว)

25.นักเขียนการ์ตูนคนแรกของไทย ขุนปฏิภาคพิมพ์ลิขิต (เปล่ง ไตรปิ่น)

26.ผู้คิดประดิษฐ์อักษรไทยเป็นคนแรก พ่อขุนรามคำแหง

27.ผู้คิดตัวพิมพ์อักษรไทยเป็นคนแรก ร้อยโท เจมส์ โลว์

28.ผู้เริ่มใช้กระแสไฟฟ้าคนแรกของไทย จอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เติม แสงชูโต)

29.ผู้เปิดเดินรถเมล์ในกรุงเทพมหานครเป็นคนแรก พระยาเศรษฐภักดี

30.ผู้ประดิษฐ์สามล้อขึ้นใช้ในประเทศไทยเป็นคนแรก นายเลื่อน พงษ์โสภณ

31.ผู้ให้กำเนิดลูกเสือไทยเป็นคนแรก รัชกาลที่ 6 (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว)

32.ผู้ริเริ่มแท็กซี่ขึ้นในเมืองไทย พลโท พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา)เมื่อปี พ.ศ.2466

33.ผู้ที่ริเริ่มใช้คำว่า "สวัสดี" พระยาอุปกิตศิลปสาร

34.ผู้ให้กำเนิดเพลงชาติ พระเจนดุริยางค์ (บรรเลงครั้งแรกโดย วงดุริยางค์ทหารเรือ)

35.ผู้ให้กำเนิดเพลงสรรเสริญพระบารมี กรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ (พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)

36.ผู้แต่งเพลงกราวกีฬา เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี

37.ผู้ที่ได้รับยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย" สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ

38.ผู้ที่ได้รับยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งการแพทย์ไทย" สมเด็จพระราชบิดากรมหลวงสงขลานคริทร์

39.ฝาแฝดคู่แรกของไทย ฝาแฝด อิน-จัน เกิดเมื่อ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2434 ที่ จ.สมุทรสงคราม

40.ผู้ที่ริเริ่มใช้ รศ.(รัตนโกสินทร์ศก) รัชกาลที่5 (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)

42.ร.ศ.1 ตรงกับปี พ.ศ.ใด พ.ศ.2331

43.เรือกลไฟลำแรกของไทย เรือสยามอรสุมพล (เป็นเรือที่รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯให้พระยาศรีสุริยวงศ์ ต่อขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2398)

44.โรงพยาบาลแห่งแรกของไทย โรงพยาบาลศิริราช

45.มหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

46.โรงเรียนอนุบาลแห่งแรกของประเทศไทย โรงเรียนอนุบาลที่โรงเลี้ยงเด็ก ซึ่งพระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ พระอัครชายาในรัชกาลที่5 เป็นผู้ให้กำเนิด

47ธนาคารเอกชนแห่งแรกของประเทศไทย แบงก์ สยามกัมมาจล

48.โรงภาพยนตร์โรงแรกใน กทม.ที่ฉายภาพยนตร์จอซีนีมาสโคป โรงภาพยนตร์ ศาลาเฉลิมไทย

49.โรงแรมแห่งแรกของไทย โรงแรมโอเรียนเต็ล

50.โรงพิมพ์แห่งแรกของไทย โรงพิมพ์หมอบรัดเลย์ ตั้งอยู่ที่สำเหร่ ธนบุรี

51.บทประพันธ์ที่ทำการขายลิขสิทธิ์กันในครั้งแรกในประเทศไทย เรื่อง นิราศลอนดอน ของหม่อมราโชทัย ขายลิขสิทธิ์ให้กับหมอบรัดเลย์

52.แบบเรียนเล่มแรกของคนไทย หนังสือจินดามณี ที่พระโหราธิบดี เป็นผู้แต่ง

53.หนังสือไทยเล่มแรก หนังสือไตรภูมิพระร่วง

54.หนังสือพิมพ์ข่าวฉบับแรกของเมืองไทย หนังสือพิมพ์บางกอกรีคอดเดอร์ พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ปี พ.ศ.2387

55.ปฎิทินฉบับภาษาไทย จัดพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ปี พ.ศ.2385

56.วิทยุ โทรทัศน์ มีขึ้นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อ ปี พ.ศ.2497(สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม)

57.สถานีโทรทัศน์แห่งแรกของไทย สถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม (ปัจจุบันคือ อสมท.ช่อง9)

58.โรงเรียน "หลวง" สำหรับราษฎรแห่งแรก คือ โรงเรียน วัดมหรรณพาราม

59.สภากาชาด ตั้งขึ้นเมื่อไหร่ ตั้งขึ้นในรัชกาลที่6 เดิมชื่อ สภาอุณาโลมแดง

60.เจดีย์ที่เก่าแก่ และใหญ่ที่สุด พระปฐมเจดีย์ ที่ จ.นครปฐม

61.พระปรางค์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย พระปรางค์ที่วัดอรุณราชวราราม(วัดแจ้ง ธนบุรี)

62.พระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดของไทย พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ประดิษฐานที่วัดไตรมิตรวิทยาราม กทม.(หนัก 5 ตัน)

63.พระพุทธไสยาสน์ ที่ยาวที่สุด พระพุทธไสยาสน์ ที่วัดพระนอน จ.สิงห์บุรี

64.พระพุทธรูปยืนที่สูงที่สุด พระพุทธรูปยืนที่วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม กรุงเทพฯ

65.พระนอนที่ยาวที่สุด พระนอนที่วัดขุนอินทรประมูล จ.อ่างทอง

66.พระพุทธรูปนั่งที่ใหญ่ที่สุด พระพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี

67.วัดที่มีระฆังใบใหญ่ที่สุด วัดกัลยากรณ์ กรุงเทพมหานคร

68.วัดที่ไม่มีพระจำพรรษาเลย วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

69.จังหวัดที่เคยมีรถรางเดินประจำนอกจากกรุงเทพฯแล้วคือ จ.ลพบุรี

70.วัดไทยที่สร้างเลียนแบบวัดฝรั่ง วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ บางปะอิน จ.อยุธยา (รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้น)