วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เตือนภัย : "แอบถ่าย" ภัยเงียบที่มาพร้อมเทคโนโลยี


 ถ้าหากจะพูดถึงภัยสังคมในรูปแบบต่างๆ แล้ว ภัยร้าย "แอบถ่าย" ไม่เคยห่างหายไปจากสังคมเมืองทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของคลิปวิดีโอ หรือภาพนิ่งก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ พัฒนาไปอย่างมาก การถ่ายรูปไม่จำเป็นต้องพกกล้องเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พกแค่โทรศัพท์สักเครื่องก็สามารถถ่ายรูปได้แล้ว ...

     และการ(แอบ)ถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือยิ่งสะดวกมากขึ้นเมื่อเทคโนโลยีของ โทรศัพท์มือถือแบบ "สมาร์ทโฟน" เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วไป ทำให้การถ่ายรูปในรูปแบบต่างๆ ทำได้ง่ายรวดเร็ว ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นข้อดี แต่ในทางกลับกัน เมื่อนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในการก่ออาชญากรรมต่างๆ เช่น การแอบถ่าย ซึ่งถือเป็นการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง ก็จะเป็นภัยสังคมที่น่ากลัวมาก

เด็กดีดอทคอม :: เตือนภัย : "แอบถ่าย" ภัยเงียบที่มาพร้อมเทคโนโลยี

     ตัวอย่างเช่น ในประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นได้รายงานว่า มีคดีที่ผู้ตกเป็นเหยื่อถูกแอบถ่ายเพิ่มขึ้นจากในอดีตถึง 60% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2011 ที่ผ่านมานี้ มีผู้ตกเป็นเหยื่อการแอบถ่ายสูงถึง 1,741 ราย

     รายงานจากสำนักงานสำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นระบุว่า โดยปกติแล้ว โทรศัพท์สมาร์ทโฟนจะมีปุ่มกดบันทึกภาพที่มีเสียงชัตเตอร์เพื่อให้ผู้อื่นรู้ตัวว่ากำลังถูกถ่ายภาพอยู่ แต่ล่าสุดได้มีแอพพลิเคชั่นใหม่ คือ "Silent Camera" หรือ "กล้องเงียบ" ที่สามารถบันทึกภาพผู้คนโดยไม่มีเสียงกดปุุ่มชัตเตอร์ เปิดโอกาสให้นักถ้ำมองหรือพวกชอบแอบดูชาวบ้าน ได้ใช้เทคโนโลยีนี้ แสวงความสุข(แบบจิตๆ)ส่วนตัว จากการบันทึกภาพผู้คนตามสถานที่สาธารณะต่าง ๆ เช่น สถานีรถไฟ สถานที่ทำงาน นอกจากนี้ แอพพลิเคชั่น บางตัวยังสามารถใช้งานขณะที่กำลังทำงานด้านเอกสาร เช็คอีเมล หรือเล่นเกมไปได้พร้อมๆ กับถ่ายภาพ ซึ่งเทคโนโลยีนี้เองที่อำนวยความสะดวกให้เกิดการแอบถ่ายภาพลามกอนาจารมากขึ้น

เด็กดีดอทคอม :: เตือนภัย : "แอบถ่าย" ภัยเงียบที่มาพร้อมเทคโนโลยี

     ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นระบุว่า ปัจจุบัน มีแอพพลิเคชั่นประเภทดังกล่าว เป็นจำนวนหลายสิบตัว ทั้งจากโทรศัพท์แอนดรอยด์ และไอโฟน ที่ก่อให้เกิดความวิตกอย่างหนักต่อสังคมญี่ปุ่น และผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นได้ออกมาเรียกร้องให้มีการควบคุมแอพพลิเคชั่นประเภทนี้ เนื่องจากเห็นว่ามันถูกใช้เพื่อประกอบอาชญากรรมมากขึ้น ดังนั้นจึงควรมีการควบคุมกันอย่างเข้มงวด เพื่อลดอัตราการเกิดอาชญากรรมในลักษณะการล่วงละเมิดและอนาจาร

     แต่อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้ว การจัดระเบียบแอพพลิเคชั่นดูจะเป็นไปค่อนข้างยากโดยเฉพาะบนสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เนื่องจากกูเกิ้ลเจ้าของระบบปฏิบัติการนี้ มีนโยบายที่เปิดเสรีให้กับการพัฒนาแอพพลิเคชั่น จึงทำให้แอพลิเคชั่นต่างๆ ไม่ถูกตรวจสอบก่อนถูกเผยแพร่ให้ผู้ใช้ดาวน์โหลด

เตือนภัย : ขนมกรุบกรอบทำร้ายคุณได้

มันฝรั่งทอด ปลาเส้นปรุงรส ช็อกโกแลต เยลลี่ ... โอ๊ยแต่ละอย่าง ล้วนแต่เป็นขนมสุดโปรดของทั้งนั้นเลยล่ะ เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะชอบเหมือนใช่ไหม แต่จะบอกให้นะคะว่า ขนมอร่อยๆ รูปลักษณ์ชวนชิมพวกนี้ล่ะ มีอันตรายแฝงอยู่อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ

เด็กดีดอทคอม :: เตือนภัย : ขนมกรุบกรอบทำร้ายคุณได้

     มีการวิจัยพบว่า ขนมกรุบกรอบที่มีคนนิยมชอบกินกว่า 700 ชนิด ที่วางขายล่อตาล่อใจอยู่ในร้านค้าชั้นนำ ล้วนแต่มีส่วนผสมที่มีรสชาติหวานหรือเค็มจัด มีมันเยิ้มจากการทอด ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผู้ที่ชอบรับประทานขนมเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการป่วยเป็นโรค เบาหวาน หัวใจ โดยเฉพาะขนมปังประเภทเม็กซิกันบันต่างๆ เพราะเพียงแค่ชิ้นเดียวให้พลังงานเกินกว่าความต้องการของร่างกาย แถมขนมเหล่านี้กำลังเป็นต้นเหตุสำคัญให้เด็กไทยมีปัญหาเรื่องไขมัน อีกทั้งยังพบเด็กไทยกำลังมีปัญหาเรื่องไขมันและน้ำตาลผิดปกติ ซึ่งเป็นผลจากความอ้วน ส่วนสาเหตุของความอ้วนนั้นก็มาจากการรับประทานขนมต่างๆ นานาสะสมกันเป็นเวลานานนั่นเอง

     ทั้งนี้ ในการวิจัยได้มีการนำขนมและอาหารว่างประมาณ 700 ตัวอย่างมาวิเคราะห์จากฉลากโภชนาการ และส่วนประกอบเพื่อให้ทราบคุณค่าทางโภชนาการ พบว่ามีเพียง 10% ของขนมทั้งหมดที่ผ่านเกณฑ์โภชนาการ แต่ก็ไม่ได้ผ่านทั้งหมด เพราะใน 10% นั้นบางอย่างก็เค็มเกินไป หวานเกินไป ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 5 กลุ่ม คือ

เด็กดีดอทคอม :: เตือนภัย : ขนมกรุบกรอบทำร้ายคุณได้ 1. กลุ่มลูกอม หมากฝรั่ง เยลลี่ พบมีน้ำตาลและสารให้ความหวานอื่น ๆ เป็นส่วนผสมจำนวนมาก
2. กลุ่มช็อกโกแลต มีไขมันกับน้ำตาลในปริมาณสูง
3. กลุ่มถั่วและเมล็ดพืช มีไขมันและโซเดียมมาก
4. กลุ่มปลาเส้นปรุงรสต่างๆ ปลาอบกรอบ แม้จะมีโปรตีน แต่มีโซเดียมสูง ยิ่งปรุงรสเข้มข้นก็ยิ่งมีโซเดียมมาก
5. กลุ่มมันฝรั่งทอด ข้าวเกรียบ ข้าวอบกรอบ ข้าวโพดอบกรอบ แป้งทอด จะเต็มไปด้วยโซเดียมและไขมัน
     และนอกจากขนมกรุบกรอบแล้ว ขนมปังประเภทเม็กซิกันบัน มีปริมาณสารอาหารที่ได้รับต่อขนมปัง 1 ก้อน ให้พลังงานสูง 600 กิโลแคลอรี เมื่อเทียบปริมาณที่ควรได้รับอยู่ที่ 2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน ปริมาณไขมันอยู่ที่ 32.5 กรัม ... 
 
     จากผลการศึกษาและวิจัยดังกล่าวพกว่า อาหารในพวกของขนมกรุบกรอบกว่า 90% มีคุณค่าทางโภชนาการน้อยมาก และเต็มไปด้วยสารอาหารที่เกินพอดี ซึ่งทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เมื่อรับประทานต่อเนื่องกันนานๆ ก็จะทำให้ไตทำงานหนัก เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง และส่วนประกอบหลักของขนมกรุบกรอบประเภทแป้ง ทำให้เด็กได้รับคาร์โบไฮเดรตสูงเกินความต้องการของร่างกาย ทำให้กลายเป็นเด็กที่มีรูปร่างอ้วนไม่แข็งแรง ฟันผุ อนาคตเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคหัวใจอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันนี้มีเด็กไทยจำนวนหนึ่งกำลังประสบกับปัญหา "เมตาบอลิคซินโดรม" เกิดจากเมตาบอลิซึมผิดปกติ มีความดันโลหิตสูง ไขมันผิดปกติ น้ำตาลผิดปกติ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับภาวะที่ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน เป็นผลจากความอ้วน และมีความเสี่ยงเป็นเบาหวานได้ง่ายล่ะ

ระวังเอาไว้ ผอมเกินไป ระวังกระดูกเปราะง่าย


 สำหรับน้องๆ หลายคนเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น จะมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องน้ำหนักตัว กลัวว่าอ้วนไปแล้วจะดูไม่ดี บางคนกังวลมากถึงขั้นที่ต้องล้วงคอตัวเองเพื่อให้อาเจียนเอาอาหารที่เพิ่งรับประทานเข้าไปออกมา และพอทำพฤติกรรมแบบนี้บ่อยๆ เข้าก็จะทำให้เกิดโรคที่เรียกว่า "โรคบูลิเมีย เนอร์โวซา" ... นอกจากนี้น้องๆ บางคนก็จะใช้วิธีการจำกัดอาหาร ลดปริมาณให้น้อยที่สุด ลดจำนวนมื้อ เลือกกินอาหารเพียงบางหมวดหมู่ เพราะไม่ต้องการให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากทุกครั้งที่ส่องกระจกจะรู้สึกว่า ตัวเองอ้วนเกินไป ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว มีรูปร่างที่พอดีหรือผอมไปด้วยซ้ำ อาการดังกล่าวนี้เป็นอาการอย่างหนึ่งที่บ่งบอกได้ว่ากำลังป่วยเป็น "โรคอะนอร์เร็กเซีย เนอร์โวซา" ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่งนั่นเอง

เด็กดีดอทคอม :: ระวังเอาไว้ ผอมเกินไป ระวังกระดูกเปราะง่าย

     พี่เหมี่ยวเชื่อได้ว่ากว่า 80% ของวัยรุ่นที่นิยมลดน้ำหนักนั้น ก็เพื่อนที่จะอยากให้ตัวเองดูดี ใส่เสื้อผ้าตามแฟชั่นแล้วดูหล่อ - สวย แต่ในความเป็นจริงแล้วการลดน้ำหนักนั้นจำเป็นสำหรับคนที่เป็นโรคอ้วน ซึ่งเสี่ยงต่อการมีปัญหาสุขภาพ แต่ถ้าหากน้องๆ มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องลดน้ำหนักค่ะ ... น้องๆ Dek-D ทราบหรือเปล่าคะว่าการที่ร่างกายของเรามีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ หรือผอมเกินไปนั้น จะส่งผลเสียต่อระบบการทำงานในร่างกายของเรา

เด็กดีดอทคอม :: ระวังเอาไว้ ผอมเกินไป ระวังกระดูกเปราะง่าย     มีผลการศึกษาจากศูนย์การแพทย์นิกายโปรเตสแตนต์ – โคลัมเบีย มลรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พบว่าการโหมออกกำลังกายมากเกินไป และกินอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย (... ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่พบในสาวๆ ที่ต้องการลดความอ้วน) อาจทำให้กระดูกผุกร่อน เปราะบาง และแตกหักง่าย เนื่องจากร่างกายขาดสารอาหาร หรือเสียพลังงานอย่างมากไปกับกิจกรรมดังกล่าว ฮอร์โมนเลปติน ที่ทำให้อยากอาหารจะถูกสร้างมากขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะมีอาหารเข้าไปทดแทน แต่ถ้าหากเราทนอดอาหารไม่ยอมรับประทานอะไรเข้าไป ร่างกายของเราก็จะแก้ปัญหาโดยลดกิจกรรมต่างๆ ของอวัยวะลง กระบวนการสร้างกระดูกก็จะทำงานลดลง และถ้าหากเกิดสภาวะนี้ขึ้นบ่อยๆ กระดูกก็จะไม่สมบูรณ์ ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของปัญหากระดูกเปราะนั่นเอง 

     นอกจากนี้การลดน้ำหนักจนทำให้ร่างการขาดสารอาหารนั้น ยังมีผลต่อระบบการทำงานของร่างกายในด้านอื่นๆ อีก เช่น การตั้งหน้าตั้งตาลดน้ำหนักมากเกินไปจะทำให้เกิดความกังวลซึ่งเป็นที่มาของ โรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นการอาการผิดปกติของระบบประสาทและสมอง ผู้ที่มีอาการนี้จะมีลักษณะหงุดหงิดและฉุนเฉียวง่าย ร่างกายอ่อนแอ , การขาดสารอาหารจะทำให้ระบบเลือดในร่างกายขาดความสมบูรณ์ทำให้เป็นที่มาของ โรคโลหิตจาง , ระบบหัวใจทำงานผิดปกติ ตัวใจเต้นช้าหรือเร็วเกินไป เสี่ยงต่ออาการหัวใจวายเฉียบพลันและความดันโลหิตต่ำ , ร่างกายที่ขาดสารอาหารอาจทำให้มีอาการกล้ามเนื้อ่อนแรงและกระดูกพรุน เด็กดีดอทคอม :: ระวังเอาไว้ ผอมเกินไป ระวังกระดูกเปราะง่าย

เมื่อได้รับสารอาหารไม่ครบร่างกายจะขาดเกลือแร่บางชนิด การทำงานของระบบขับถ่ายจะไม่สมบูรณ์อาจมีอาการท้องอืดหรือท้องผูกได้บ่อยๆ และในรายที่ขาดสารอาหารอย่างหนัก มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดสภาวะระบบการทำงานของไตล้มเหลว ทำให้เกิดอาการนิ่วในไตและไตวายเฉียบพลันได้

เด็กดีดอทคอม :: ระวังเอาไว้ ผอมเกินไป ระวังกระดูกเปราะง่าย

     สำหรับในผู้หญิงถ้าหากขาดสารอาหารอย่างต่อเนื่องจะทำให้ขาดฮอร์โมนเพศ โดยจะมีอาการประจำเดือนจะน้อยลงหรือขาดประจำเดือน มีบุตรยาก หากตั้งครรภ์ก็เสี่ยงแท้งบุตรง่าย บุตรน้ำหนักตัวน้อย กระดูกบาง ขาดโกรทฮอร์โมน ทำให้ร่างกายเติบช้า และอ่อนเพลีย ส่วนคนที่ชอบควบคุมน้ำหนักด้วยการล้วงคอให้อาเจียนบ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดแผลในช่องปากและกระพุ้งแก้ม ทำให้มีอาการฟันผุและเกิดอาการเสียวฟัน เนื่องจากถูกกรดในกระเพาะอาหารที่ย้อนขึ้นมากับอาเจียนกัดทำลาย ...

10 ของใช้ใกล้ตัวที่สะสมเชื้อโรคไว้มากที่สุด!!


ถ้าหากจะพูดถึงสิ่งสกปรกที่อยู่รอบๆ ตัวเรา หรือพูดถึงสถานที่ที่สกปรกเต็มไปด้วยเชื้อโรค ส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่เรานึกถึงคงไม่พ้นลูกบิดประตูในห้องน้ำ หรือราวจับบนรถประจำทาง ซึ่งก็ไม่ผิดหรอกค่ะ สิ่งของพวกนั้นมันก็มีเชื้อโรคแฝงอยู่จริงๆ นั่นแหละ แต่พี่เหมี่ยวจะบอกให้นะคะว่าจริงๆ แล้วเชื้อโรคและความสกปรกอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด บางทีก็แฝงอยู่กับของใช้ส่วนตัวที่เราใช้อยู่เป็นประจำทุกวันก็ได้ ...

     ไม่เชื่อก็ลองมาดู "10 ของใช้ใกล้ตัวที่สกปรกที่สุด" ดูแล้สิคะ ... อ่านแล้วจะสยอง -..-*

เด็กดีดอทคอม :: 10 ของใช้ใกล้ตัวที่สะสมเชื้อโรคไว้มากที่สุด!!

>> ฟองน้ำล้างจาน
     ด้วยวัสดุและรูป ลักษณ์ของมันที่เต็มไปด้วยรูพรุนที่สามารถใหน้ำ อากาศ ออกซิเจน เศษอาหารเข้าไปอาศัยอยู่ จึงเป็นแหล่งชุมชนแออัดของเหล่าเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี แล้วคิดดูสิคะว่า ฟองน้ำที่เราใช้ล้างจานอยู่ที่บ้านทุกวันนั้นจะสกปรกแค่ไหน (-*-) ... อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ เราสามารถทำความสะอาดฟองน้ำให้ปราศจากเชื้อโรคได้โดยวิธีง่ายๆ คือ เอาไปต้มหรือให้ความร้อนผ่านไมโครเวฟซัก 60 วินาที แค่นี้ก็จัดการกับเชื้อโรคตัวร้ายได้แล้วล่ะ

>> อ่างล้างจาน
     เชื่อรึเปล่าคะว่า บริเวณอ่างล้างจานในบ้านเรา แต่ละตารางนิ้วนั้นมีเชื้อโรคอาศัยอยู่ถึง 500,000 ตัว OMG!!! ตายแล้วน่ากลัวมากๆ ... วิธีทำความสะอาดขจัดคราบที่คู่ควรกับตัวเลขห้าแสนนี้ ก็คือ ใช้โซดาไฟหรือน้ำส้มสายชูราดทำความสะอาดมันซะ แล้วตามด้วยน้ำเปล่าตามไปอีกที

เด็กดีดอทคอม :: 10 ของใช้ใกล้ตัวที่สะสมเชื้อโรคไว้มากที่สุด!! >> อ่างอาบน้ำ
     คิดไม่ถึงล่ะสิว่า ที่นี่จะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคเหมือนกัน ก็แหม คิดดูสิคะ ถ้าเราแช่น้ำในอ่างทุกวันคราบความสกปรกจากร่างกายเราก็ไปติดอยู่ที่อ่างมาก มาย และถ้าเราไม่หมั่นทำความสะอาดล่ะก็ รับรองได้เลยค่ะว่าอ่างอาบน้ำของเราจะเป็นฟาร์มเพราะพันธุ์เชื้อโรคชั้นดี เลยทีเดียว ... วิธีที่ดีที่สุดคือ ควรทำความสะอาดมันสัปดาห์ละครั้งเป็นอย่างน้อยนะคะ

>> รีโมททีวี
     กดกันได้กดกันดี เป็นอุปกรณ์ประจำบ้านที่กดกันทั้งครอบครัว แต่เชื่อเถอะค่ะว่า กว่า 90% เรามักจะไม่ได้ทำความสะอาดมันทั้งๆ ที่เราออกจะหยิบสอยใช้มันออกจะบ่อย ทำความสะอาดบ้านครั้งหน้าก็อย่าลืมหยิบรีโมทไปเช็ดถูกันบ้างนะคะ 
 
>> ตะกร้าช้อปปิ้ง
     เป็นสิ่งของที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน ไม่ว่าจะเป็น ของสด ของแห้งจากตลาด หรือความสกปรกจากพื้นเวลาที่เราวางตระกร้า สาระพัดสาระเพเชื้อโรคจากทั่วทุกสารทิศก็มารวมกันอยู่ที่ตระกร้าใส่ของที่เราใช้อยู่ทุกวันนี่ล่ะค่ะ -*-

>> ฝาที่นั่งชักโครก
     ฝาชักโครกที่บ้านเราอาจจะสะอาด(ประมาณนึง) เพราะเราทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ แต่ฝาชักโครกสาธารณะตามสถานที่ต่างๆ นี่สิคะน่ากลัวเป็นที่สุด โดยมีรายงานระบุว่า ทุกตารางนิ้วบนฝานั่งชักโครกมีเชื้อโรคอาศัยอยู่ถึง 295 ตัว -*-

>> โทรศัพท์มือถือ
     เดี๋ยวหยิบมาโทรคุย เดี๋ยวหยิบมาดูหนังฟังเพลง เดี๋ยวหยิบมาเล่นเกมส์ ... เชื่อไหมว่าโทรศัพท์มือถือที่เราใช้กันอยู่ประจำในชีวิตประจำวันนั้น เพียบพร้อมไปด้วยปัจจัยความเจริญของเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิอุ่นๆ เหมือนร่างกายมนุษย์ที่เชื้อโรคชอบ พร้อมซอกซอยร่องหลืบง่ายต่อการกบดานหลบหนี และยังเต็มไปด้วยโภชนาการและอาหารจากน้ำลายและขี้ไคลมนุษย์ แค่คิดก็สยองแล้วล่ะ

เด็กดีดอทคอม :: 10 ของใช้ใกล้ตัวที่สะสมเชื้อโรคไว้มากที่สุด!!

>> คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์
กินข้าว กินขนม แต่งหน้า หวีผม หรือบางคนก็เม้าท์พ่นไฟแชทหน้าเวบแคม รู้รึเปล่าคะว่าคีย์บอร์ดนั้นเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดีเลยทีเดียวล่ะ โดยเฉพาะเศษอาหาร ผิวหนัง เหงื่อไคลต่างๆ ที่ผู้ใช้คอมทำตกลงไปในคีย์บอร์ด -*- ซึ่งหลายคนก็ไม่ค่อยสนใจหรอกค่ะ เพราะว่าส่วนใหญ่ความสกปรกต่างๆ มันจะตกลงไปในร่องคีย์บอร์ด ทำให้ยากต่อการมองเห็นว่าสกปรกและยากต่อการทำความสะอาด ทำให้ไม่มีใครสนใจจะทำความสะอาดกันเท่าไหร่นัก จึงทำให้คีย์บอร์ดกลายเป็นแหล่งหมักหมมเพาะพันธุ์เชื้อโรคชั้นดี รายงานระบุว่าคีย์บอร์ดที่ได้รับการสำรวจนั้นสกปรกกว่าฝานั่งชักโครกถึง 40 เท่าเลยทีเดียว OMG!!!!

>> สวิตช์เปิด
จะบอกให้นะคะว่าเชื้อโรคมักจะไปสะสมอยู่ตามปุ่มสวิทปิดเปิดไฟที่ต้องกดกันอยู่ทุกวัน ผู้เชี่ยวชาญเผยว่าทุกๆ ตารางนิ้วบนสวิตช์ไฟที่เราเอานิ้วไปโดน เชื้อโรคสามารถย้ายสำมโนครัวตามติดมือไปได้ถึง 217 ตัวเลยล่ะค่ะ

เด็กดีดอทคอม :: 10 ของใช้ใกล้ตัวที่สะสมเชื้อโรคไว้มากที่สุด!!

>> เงิน ได้แก่ ธนบัตร เหรียญ
     มีเงินเรียกน้อง มีทองเรียกพี่ แต่มีเชื้อโรคอยู่แบบนี้เขาเรียกว่า หายนะ  ... แบงค์ที่เราหยิบจ่ายซื้อของกันอยู่ทุกวันนี้ มีเชื้อโรคอยู่ประมาณ 135,000 ตัว และพวกเราทุกคนก็มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อโรคนั้นกันอยู่ทุกครั้งที่จับแบงค์ ตายแล้ว แล้วแบบนี้จะทำยังไงกันล่ะ T^T

     ... เชื้อโรคร้ายใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิดจริงๆ ด้วยล่ะ แบบนี้เราคงจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของความสะอาดมากขึ้นแล้ว ทางที่ดีไปไหนมาไหนพกเจลล้างมือติดกระเป๋าไว้ ไปจับไปสัมผัสอะไรถ้าไม่แน่ใจเรื่องความสะอาดก็จัดการล้างมือฆ่าเชื้อไว้ก่อน วิธีนี่ก็น่าจะช่วยได้

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555

ฝรั่งพูดคนไทยงง : Be stuck in a rut


ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา คุณผู้อ่านในหลายจังหวัดต้องเผชิญกับภาวะวิกฤติน้ำท่วม ผมและทีมงานนิตยสาร I Get English ทุกคนก็ขออวยพรให้ทุกท่านมีกำลังใจที่เข้มแข็งในการฝ่าฟันอุปสรรค รวมทั้งสามารถฟื้นฟูทุกอย่างให้กลับสู่ภาวะปกติได้โดยเร็วที่สุดครับสำหรับสำนวนในฉบับนี้ก็จะเกี่ยวข้องกับสภาวะอันไม่พึงประสงค์เช่นกัน เรามาลองอ่านบทสนทนาสั้นๆ ระหว่าง"เล็กซี" กับ "เซียนน่า" กัน

Lexie:
 How was the history lecture yesterday?
เล็กซี เล็คเชอร์วิชาประวัติศาสตร์เมื่อวานเป็นไงมั่ง
Sienna: It was terrible. I was stuck in a rut.
เซียนน่า แย่มาก ฉัน stuck in a rut.
Lexie: No way! History is your favourite subject, isn't it?
เล็กซี ได้ไง ประวัติศาสตร์นี่วิชาโปรดเธอเลยไม่ใช่เหรอ
Sienna: Yeah! But I didn't study at all because the lecturer kept gossiping about her neighbour for a whole period.
เซียนน่า ก็ใช่ แต่ฉันไม่ได้เรียนเลยน่ะสิ เพราะอาจารย์มัวแต่นินทาเพื่อนบ้านทั้งชั่วโมงเลย
จากข้อความแวดล้อม เราพอจะเดาได้ว่าสำนวน stuck in a rut ต้องมีความหมายในแง่ลบอย่างแน่นอน
ขอพูดถึงคำว่า rut คำเดียวก่อนครับ คำนี้สามารถแปลได้หลายความหมาย เช่น "ฤดูติดสัด" ตัวอย่างประโยค
ก็เช่น
Stags fight for does during the rut.
กวางตัวผู้สู้กันเพื่อแย่งกวางตัวเมียในฤดูติดสัด
หรือแปลว่า "รอยลึกบนพื้นดินหลังจากที่รถวิ่งผ่าน" ก็ได้ ตัวอย่างประโยคก็เช่น
After torrential rain, we could see muddy ruts along the road.
หลังจากที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก เราสามารถเห็นรอยโคลนของล้อรถยาวไปตามถนน
แต่ในที่นี้ความหมายคือ "สถานการณ์อันน่าเบื่อที่ยังคาราคาซัง" โดยสามารถอยู่กับกริยาเช่น be stuck
ก็คือ ติดอยู่ในสถานการณ์อันน่าเบื่อ ตัวอย่างประโยคก็อย่างเช่นที่เซียนน่าพูดนั่นเองคือ
I was stuck in a rut.
ฉันล่ะเซ็งจริงๆ (เพราะต้องทนฟังเรื่องไร้สาระตลอดทั้งชั่วโมงเรียน)
นอกจากนั้น คุณยังสามารถใช้กับกริยาตัวอื่นได้อีก get into ก็จะแปลว่า เข้าสู่สภาวะอันน่าเบื่อ เช่น
During a 3-month school holiday, I felt I got into a rut because I hardly met my friends.
ช่วงปิดเทอม 3 เดือน ฉันรู้สึกเบื่อเพราะแทบไม่ได้เจอเพื่อนๆ เลย
ส่วนสำนวนคู่ตรงข้ามก็คือ get out of a rut หมายถึง "หลุดพ้นจากสถานการณ์อันน่าเบื่อ" นั่นเอง เช่น
When the term started, I got out of a rut because I got to meet and have fun with my
friends. พอเปิดเทอม ฉันก็หายเซ็งเพราะมีโอกาสได้เจอเพื่อนๆ และได้สนุกสนานกัน 
อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค1. กล้วย มีคุณสมบัติในการบำรุงและสร้างความแข็งแรงแก่กระเพาะอาหารในขณะเดียวกันก็ให้เกลือแร่ทีจำเป็นแก่ร่างกายเช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมช่วยควบคุมระดับของเหลวในร่างกายโดยช่วยขับของเหลวหรือสารพิษส่วนเกิน ออกจากร่างกายโดยช่วยขับของเปลวหรือสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกายได้ดีขึ้น การกินกล้วยเป็นประจำยังช่วยป้องกันท้องผูกทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติอีกด้วย 


อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค2. อัลมอนด์ เป็น ถั่วที่มีใยอาหารสูงมีแคลเซียมและโปรตีนที่ดีต่อร่างกายแม้จะมีไขมันแต่ก็เป็นไขมันที่ดีและจำเป็นต่อร่างกายในระหว่างที่เราทำการล้างพิษจึงควรกินอัลมอนด์นอกจากนี้อัลมอนด์ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงก็จะเกิดอาการไฮเปอร์ไกลซีเมีย ( Hyperglycemia ) ทำให้รู้สึกหิวน้ำมากกว่าปกติ หายใจไม่ออกไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และหากน้ำตาลในเลือดต่ำที่เรียกว่าไฮโปไกลซีเมีย ( Hypoglycemia ) จะทำให้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลม ใจสั่น ไม่มีแรงคิดอะไรไม่ออก อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค

3. แอปเปิ้ลประกอบไปด้วยเพกตินสูงเพกตินเป็นไฟเบอร์ชนิดหนึ่งที่ช่วยจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายที่ปะปนมากับอาหารเช่น ปรอท ตะกั่ว ซึ่งทำลายเซลล์สมองนี่คือเหตุผลที่เราควรจะกินแอปเปิ้ลเพื่อล้างสารพิษออกจากร่างกายนอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็งฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสจากการศึกษาทดลองยังพบว่าแอปเปิ้ลช่วยขับสารเคมีที่ปนเปื้อนในอาหารซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้ในเด็กและทำให้เกิดไมเกรนในผู้ใหญ่ได้ อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค

4. ตำลึง ผักใบเขียวที่ขึ้นข้างรั้วหาง่าย และราคาไม่แพงนี้ในสมัยก่อนเรามักนำมาทำแกงจืดตำลึงโดยใสเนื้อสัตว์น้อย ๆ แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่า แกงจืดตำลึงจะมีตำลึงอยู่ไม่กี่ใบและมีหมูสับเต็มไปหมดซึ่งตำลึงมีคุณสมบัติช่วยผลิตน้ำดีที่จะทำให้ลำไส้ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้นนอกจากนี้สารที่มีอยู่ในตำลึงยังช่วยให้ตับสลายไขมันในร่างกายด้วย


 อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค5. อะโวคาโดอาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักแต่ปัจจุบันเราก็สามารถหาซื้ออะโวคาโดได้จากตลาดทั่วไป ในอะโวคาโดมีสารกลูตาไทโอน ( Glutathione ) ที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตันทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นทั้งช่วยจับสารพิษที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งกว่า 30 ชนิดและขณะเดียวกันก็ช่วยให้ตับกำจัดของเสียจำพวกสารเคมี และโลหะหนักซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ( University of Michigan ) พบว่าผู้สูงอายุซึ่งกินอาหารที่มีสารกลูตาไทโอนสูงจะมีสุขภาพดีกว่าคนที่ไม่ได้กินและมีอัตราการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ 



อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค6. บีตรูต ผักสีแดงที่นิยมใส่ในสลัดนี้นับเป็นผักมหัศจรรย์ซึ่งประกอบไปด้วยไพโรเคมีคอล ( Phytochemical ) วิตามินและเกลือแร่หลายชนิดซึ่งทำให้บีตรูตมีคุณสมบัติต่อต้านชื้อโรคทำความสะอาดเลือดทำความสะอาดตับและระบบน้ำเหลืองอีกทั้งมีคุณสมบัติพิเศษที่ส่งเสริมให้ร่างกายรับออกซิเจนได้มากขึ้นจึงช่วยกำจัดของเสียได้ง่ายและเร็วขึ้นซึ่งจากกการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบว่าบีตรูตช่วยปรับระดับกรดและด่างในเลือดให้สมดุลด้วย้




 อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค7. กะหล่ำ เต็มไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งและอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และช่วยตับขับฮอร์โมนที่มากเกินไป ซึ่งอาจเป็นฮอร์โมนความเครียดที่มีผลเสียต่อร่างกายทั้งยังช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหารรักษาและปกป้องกระเพราะอาหารจากแบคทีเรียและไวรัสต่างๆพืชตระกูลกะหล่ำ ได้แก่กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลีและกะหล่ำปมผักเหล่านี้ช่วยทำความสะอาดร่างกายและช่วยกำจัดของเสียจากสิ่งแวดล้อมเช่น ของเสียจากควันบุหรี่ควันจากท่อไอเสียและช่วยให้ตับผลิตเอนไซม์ออกมาให้เพียงพอในการกำจัดของเสีย อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค





8. บลูเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีค่าแอนติออกซิแดนต์สูงมากชนิดหนึ่ง และถือเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารรักษาโรคเนื่องจากในบลูเบอร์รี่มีสารแอสไพรินตามธรรมชาติซึ่งช่วยลดการระคายเคืองสารที่มีในบลูเบอร์รี่สามารถเข้าไปขัดขวางแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะส่งผลให้ลดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ


 อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค9. กระเทียม จากหลายการศึกษาให้ผลตรงกันถึงคุณสมบัติของกระเทียมในการทำความสะอาดร่างกายนั่นคือการกินกระเทียมเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียขับและฆ่าพยาธิในทางเดินอาหารและฆ่าเชื้อไวรัสโดยเฉพาะทำความสะอาดเลือด และทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่นและลดแรงดันโลหิตนอกจากนี้ยังต่อต้านการเกิดมะเร็งและทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น แต่ก็ควรระวังเรื่องการกินกระเทียมมากเกินไปซึ่งก่อให้เกิดลมหายใจที่มีกลิ่นกระเทียมไปด้วย


 อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค10. ส้มโอ หรือเกรปฟรุต เป็นผลไม้รสชาติดีที่ได้รับความนิยมในอาหารมื้อเช้าของชาวตะวันตก สารเพกตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ประเภทหนึ่งในเกรปฟรุตสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดก่อนที่จะจับตัวเป็นก้อนและขวางทางเดินในหลอดเลือดนอกจากนี้เพกตินยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้โลหะหนักเหล่านี้ทำอันตรายต่อร่างกาย ส่วนเกรปฟรุตช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็งโดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งกระเพราะอาหารและมะเร็งตับอ่อนสารต้านอนุมูลอิสระในเกรปฟรุตช่วยปกป้องสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย


 อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค11. มะเขือพวง คนไทยนิยมใส่มะเขือพวงในอาหารประเภทผัดเผ็ด แกงป่า แกงกะทิและน้ำพริกสมัยก่อนแกงกะทิเช่นแกงไก่ใส่มะเขือพวงเต็มไปด้วยใส่ไก่น้อยเน้นการกินมะเขือเป็นหลัก แต่ปัจจุบันกลับตรงกันข้างแกงไก่มักใส่ไก่มากกว่ามะเขือและคนก็เลือกกินแต่ไก่ จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้คนในปัจจุบันมีรูปร่างอ้วนกว่าคนสมัยก่อนมะเขือพวงเป็นผักที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ซึ่งสามารถช่วยดูดซึมไขมันในอาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยจับไขมันอิ่มตัว (ไขมันอันตราย) และขับออกจากร่างกายโดยระบบขับถ่าย ทั้งยังมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยกำจัดของเสียออกจากระบบทางเดินอาหารได้เร็วขึ้นและลดการสะสมของเสีย


 อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค12. แครอท เต็มไปด้วยสารอัลฟาและเบตาแคโรทีน (Alpha and Beta-carotene) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิตามินเอ และถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยมช่วยปกป้องร่างกายจากสารพิษในสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะช่วยระบบทางเดินประสาทสายตา ผิวหนังที่ต้องสัมผัสแสงแดเป็นประจำและจากการวิจัยพบว่าสารในแครอทช่วยลดการเกิดมะเร็งและช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจและหัวใจแข็งแรงขึ้นอาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค



13. ขึ้นฉ่าย ถือได้ว่าเป็นสุดยอดอาหารในการทำความสะอาดเลือดและช่วยลดความดันโลหิตสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรกินขึ้นฉ่ายเป็นประจำหรือถ้าจะให้ดีควรดื่มน้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายสดในตอนเช้าเพื่อช่วยควบคุมระดับแรงดันเลือดให้คงที่ในขึ้นฉ่ายยังประกอบไปด้วยสารต้านการเกิดมะเร็งและสารที่ช่วยขับของเสียจากบุหรี่ในคนที่สูบบุหรี่หรือผู้ที่ได้รับควันบุหรี่ด้วย


 อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค14. พืชตระกูลถั่ว เช่นถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และถั่วขาว จากการศึกษาพบว่าผู้ที่กินถั่วเป็นประจำมีระดับคอเลสเตอรอลน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้กิน และลดอัตราความเสียงต่อการเกิดโรคหัวใจด้วยพืชตระกูลถั่วนี้ประกอบด้วยไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลทำความสะอาดลำไส้ ลดการสะสมของสารพิษในลำไส้ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่อีกทั้งช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้และมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย 



อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค15. ทับทิม ตำราแพทย์แผนโบราณของชาวเอเชียกล่าวไว้ว่า การดื่มน้ำทับทิมสามารถรักษาอาการอักเสบและลดความปวดได้เนื่องจากในทับทิมมีสารแอสไพรินซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับแอสไพรินในยาแก้ปวด ช่วยล้าง พิษลดการติดเชื้อของเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายและลดอาการอักเสบสำหรับผู้ที่มีอาการไขข้ออักเสบปวดบวม ช้ำ แนะนำให้กินทับทิมเพราะช่วยลดอาการปวดลงได้ขณะเดียวกันยังมีไฟเบอร์สูงซึ่งช่วยให้ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้ดีขึ้น อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค



16. กระเจี๊ยบ น้ำกระเจี๊ยบมีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดแบคทีเรียและไวรัสออกจากระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งมักก่อให้เกิดการติดเชื้อทำให้มีอาการปัสสาวะไม่ออกหรือมีเลือดปนหรือมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ซึ่งสารในกระเจี๊ยบสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสเหล่านั้นได้


 อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค17. เมล็ดแฟลกซ์่ ประกอบไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็นอย่างโอเมกา 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสมองช่วยบำรุงความจำและมีผลดีต่อหัวใจเพราะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลนอกจากนี้ยังมีสารอื่นที่ช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันร่างการแข็งแรงขึ้น


 อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค18. มะนาว เป็นสุดยอดอาหารที่ช่วยทำความสะอาดตับ มีวิตามินซีสูงน้ำมะนาวสดเมื่อนำมาผสมกับน้ำอุ่นแล้วดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอนจะช่วยล้างพิษและทำให้เลือดสะอาดขึ้น แต่ถ้านำน้ำมะนาวสดผสมกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้งก็จะเป็นอาหารที่ช่วยล้างพิษในลำไส้และป้องกันอาการท้องผูกได้อีกด้วย อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค



19. หัวหอม ประกอบไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งหลายชนิด และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงช่วยทำความสะอาดเลือดช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LD ซึ่งไม่ดีเพราะเป็นตัวการก่อให้เกิดโรคหัวใจนอกจากนี้ยังช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานดีขึ้น ช่วยรักษาโรคหอบโรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ และที่สำคัญคือช่วยรักษาโรคเบาหวานโดยช่วยให้ระดับน้ำตาลคงที่ 



อาหารล้างพิษ, ผัก, ผลไม้, สุขภาพ, ร่างกาย, ต้านโรค20. สาหร่ายเป็นพืชสีเขียวในทะเลที่หลายคนมองข้ามคุณประโยชน์ แต่จากการศึกษาของ Mcgill University ที่ Montreal แสดงผลว่าสาหร่ายสามารถจับของเสียจากรังสีที่สะสมในร่างกายในปัจจุบันเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงรังสีต่างๆจากคลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นไมโครเวฟทั้งหลายได้ซึ่งพลังงานความร้อนเหล่านี้เป็นอันตรายต่อร่างกายก่อให้เกิดมะเร็งได้ซึ่งสาหร่ายจะช่วยดูดซึมคลื่นรังสีเหล่านั้นและสามารถจับกับพวกโลหะหนักได้ด้วยนอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยโปรตีนและเกลือแร่ในปริมาณมาก

8 อาหารทำให้ “ง่วงนอนตลอดเวลา“



1. กาแฟ ดื่มกาแฟตอนเช้าโดยที่กระเพาะอาหารยังว่างเปล่าจะทำให้ง่วงได้ เพราะหลังจากดื่มกาแฟได้ 30 นาที กาเฟอีนจะเข้าไปในกระแสเลือดและไปที่สมองส่งผลให้ออกซิเจนที่ส่งไปยังสมองถูกสกัดกั้นแล้วความง่วงก็จะตามมา
2. กล้วย เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานอย่างรวดเร็วช่วยสลายความเครียด ฮอร์โมนเซโรโทนินและนอร์เอพิเนฟรินจากกล้วยจะช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข แต่ถ้ารับประทานกล้วยมากเกินไปจะทำให้เราเกียจคร้านและไม่อยากขยับเคลื่อนไหวร่างกาย
3. ช็อกโกแลต สาร Phenylethylamine ในช็อกโกแลตจะทำให้ง่วงนอน ดังนั้น ช็อกโกแลตจึงเปรียบเสมือนยาที่ช่วยให้นอนหลับและถ้าหากมีโกโก้ในปริมาณสูงก็จะทำให้รู้สึกมีความสุข
4. ครัวซองต์ หากรับประทานครัวซองต์ 2-3 ชิ้นจะรู้สึกง่วงนอน เพราะครัวซองต์มีปริมาณแป้งขัดขาวมากและอุดมไปด้วยไขมันอีกด้วยซึ่งไขมันจำเป็นต้องใช้พลังงานในการย่อย ดังนั้น เมื่อรับประทานครัวซองต์เข้าไปร่างกายก็จะดึงเลือดจากสมองไปที่กระเพาะเป็นจำนวนมากเมื่อสมองมีเลือดหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอก็จะทำให้ง่วงนอน หากคุณต้องทำงานเร่งด่วนก็ควรรับประทานครัวซองต์ได้แค่ชิ้นเล็ก ๆ หนึ่งชิ้น
5. ขนมปังขาวและข้าวขาว อาหารทุกชนิดที่ทำมาจากแป้งขัดขาวเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้ง่วงเหตุผลก็คือ มันเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดเร่งด่วนจึงทำให้ตับอ่อนต้องหลั่งอินซูลินออกมามากจึงทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นสูงและทำให้ง่วงนอน
6. ถั่วเปลือกแข็ง มีกากใยอาหารมากซึ่งจะไปชะงักกระบวนการย่อยอาหารและยังถูกส่งต่อไปยังลำไส้ใหญ่โดยไม่ได้ย่อย และกระตุ้นแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ที่มีหน้าที่จัดการกับกากใยอาหาร ผลก็คือทำให้ท้องอืดเฟ้อและง่วงนอนโดยเฉพาะถ้ารับประทานถั่วผสมเกลือก็จะทำลายวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบีซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
7. ของหวาน เช่น ขนมหวาน เค้ก คุกกี้ เครื่องดื่มหวาน ๆ น้ำตาล ทำให้ง่วงนอนและยังเป็นตัวแย่งวินามินบีไปจากร่างกายเราด้วย เช่น วิตามินบี 1 บี 3 บี 6 และกรดโฟลิก และเมื่อร่างกายขาดแคลนวิตามินดังกล่าวก็จะทำให้เรี่ยวแรงถดถอยจึงส่งผลให้รู้สึกง่วง
8. ผลิตภัณฑ์นมหรือโยเกิร์ต เป็นอาหารที่มีประโยชน์แต่ถ้ารับประทานโยเกิร์ตเข้าไปมากก็จะทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียมและโปรตีน แต่ในขณะเดียวกันโปรตีนที่ว่านี้ก็จะแยกกรดอะมิโนจากร่างกายซึ่งจะส่งผลให้มีกรดมากเกินในร่างกายและทำให้ง่วงตลอดเวลา

ตำนานแมวกวัก Maneki Neko


ตำนานเจ้าเหมียวกวักนำโชค มะเนะคิเนะโกะ (まねきねこ) มีหลากหลายเรื่องราวที่สืบทอดต่อกันมาเนิ่นนานมาแล้ว แต่ตำนานเรื่องเล่าที่น่าเชื่อถือได้และผู้คนญี่ปุ่นกล่าวถึงกันมากที่สุดก็คือเรื่องนี้ มาเนะคิเนะโกะ มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยเอโดะประมาณศตวรรษที่ 17 ในสมัยนั้นนักบวชที่จำวัดอยู่ในวัดเล็กๆ นั้นค่อนข้างมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก จะกล่าวถึงวัดโกโตคุจิ อยู่ทางทิศตะวันตกของโตเกียว นักบวชชราที่คอยแบ่งอาหารที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยให้กับเจ้าแมว ทามะ ที่เป็นทั้งสัตว์เลี้ยงและเป็นเพื่อนยากในตอนนั้น ถึงแม้ว่านักบวชชราจะลำบากขนาดไหนเค้าก็ไม่เคยทอดทิ้งทามะ การเป็นนักบวชช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน ลมหนาวพัดผ่านหนาวเหน็บก็ได้แต่ผิวปากแก้หนาวกันไปแล้วยังสายฝนที่ตกลงมาก็ทำให้หลังคาเสียหายอยู่ตลอด บางครั้งนักบวชชราทั้งหิวและเหนื่อยล้าไปหมดแล้ว บางสิ่งที่ยังเหลืออยู่ก็คือการอุทิศตนและความดีงามที่นักบวชชรายังคงระลึกถึงอยู่เสมอ
มีอยู่วันหนึ่งเพราะอากาศหนาวจัดจนทำให้ร่างกายของนักบวชชราหนาวเหน็บจนทนไม่ไหว เค้าจึงเดินไปชงชาเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น แต่ทว่าไม่มีใบชาเลยน่ะสิ นักบวชชรารู้สึกเศร้ามาก เค้าร้องไห้เสียใจ ร่างกายค่อยๆ ทรุดตัวลงและหมดสติไป เจ้าแมว ทามะ เห็นท่าไม่ดีเป็นกังวลจึงเดินไปใกล้ๆ กับนักบวชชรา อยากจะทำให้เจ้านายอุ่นมากขึ้น เมื่อนักบวชได้สติตื่นขึ้นมาจึงบอกกับแมวของเค้าว่า "ทามะเอ้ย! ฉันมันจนแต่ก็ยังคิดจะเก็บแกมาเลี้ยงอีก มันจะมีสักวันมั้ย ที่แกจะทำอะไรซักอย่างเพื่อวัดแห่งนี้ เพื่อฉันด้วย " เมื่อพูดเสร็จนักบวชชราก็ร้องไห้และค่อยๆ หลับไปอีกครั้ง เจ้าแมวทามะ เกิดความกังวลใจทั้งสับสนและเข้าใจดี จึงตัดสินใจเดินไปนั่งอยู่ด้านหน้าประตูของวัดโกโตคุจิ ทามะนั่งไปพร้อมกับเลียขาและถูกับใบหน้าของตัวเองด้วย
เวลาผ่านไปไม่นานก็มีชายผู้หนึ่งที่ร่ำรวยและมีอำนาจได้เดินทางผ่านมาทางวัด ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่พอลูกเห็บขนาดใหญ่ยังตกลงมาอีก ชายผู้นั้นจึงเข้าไปหลบฝนใต้ต้นไม้ใหญ่ ฟ้าเริ่มร้องหนัก มีสายฟ้าแลบอีกด้วย ชายผู้นั้นจึงมองหาที่หลบที่ใหม่แล้วทันใดนั้นก็หันไปเจอกับเจ้าทามะที่นั่งอยู่หน้าประตูวัดพอดี เจ้าทามะกวักเรียกผู้มาเยือน ชายผู้นั้นไม่รอช้ารีบวิ่งมาทันที พอวิ่งมาถึงวัดชายผู้นั้นหันกลับไปมองที่ต้นไม้ใหญ่และถึงกลับอึ้งไป ต้นไม้โดนฟ้าผ่าและไฟลุกเผาไม้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไปเรียบร้อยแล้ว ชายผู้นั้นรู้สึกขอบใจเจ้าแมวทามะมากที่ช่วยชีวิตเค้าให้รอดจากอันตราย จึงรีบมองไปรอบๆ เพื่อที่จะตบรางวัลให้กับเจ้าของแมวตัวนี้ทันที แล้วเค้าก็พบนักบวชชราและพบว่าสภาพแวดล้อมที่นี่ช่างย่ำแย่เสียเหลือเกิน ต่อมาชายผู้นั้นได้เป็นสหายกับนักบวชชราและมอบของขวัญให้อีก ชายผู้นั้นยังช่วยส่งเสริมให้คนอื่นๆ มาทำบุญที่วัดแห่งนี้อีกด้วย จนวัดโกโตคุจิมีความเจริญขึ้นและมีชื่อเสียงจนถึงทุกวันนี้ เจ้าแมว ทามะ ไม่ได้ช่วยชีวิตนักบวชชราอย่างเดียวยังช่วยให้เค้าหลุดพ้นจากชีวิตที่ยากลำบากด้วย เมื่อแมวทามะเสียชีวิตลงได้รับเกียรติให้ฝังในสุสานพิเศษและยังมีรูปปั้นแมวกวักที่ยกเท้าขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงความโชคดีและร่ำรวยให้กับเจ้าของ ชายผู้นั้นแท้จริงแล้วคือ Ii Naosuke ผู้ครองเมือง Hikone นั่นเอง สุสานของเค้าก็อยู่ที่วัดแห่งนี้ด้วย
เจ้าเหมียวกวักนำโชค มะเนะคิเนะโกะ ตำนานความโชคดีกับสถานที่ที่มีอยู่จริง Gotokuji Temple แห่งนี้อยู่ที่ Setagaya, Tokyo ใครมีโอกาสไปเที่ยวก็อย่าลืมไปวัดที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาแมววัดนี้ด้วยล่ะ ไปไหว้พระและขอพรกับมะเนะคิเนะโกะขอให้ร่ำให้รวยมีความสุขติดกลับมาบ้านด้วย

เห็ดหลินจือ อีกหนึ่งสารแอนติออกซิแดนท์เพื่อสุขภาพ


เห็ดหลินจือแดง มีชื่อเสียงเรื่องเป็นสมุนไพรรักษาโรคมานาน และถือได้ว่าเป็นยาวิเศษรักษาโรคได้สารพัดชนิด ปัจจุบันกำลังเป็นที่สนใจมากขึ้น ได้มีการศึกษาถึงสรรพคุณทางยาที่จะนำมาใช้ในการรักษาโรค
ลักษณะทางกายภาพของเห็ดหลินจือนั้น จะพบได้ในป่าเขตอบอุ่นละเขตร้อน โดยจะขึ้นอยู่กับขอยไม้ที่ตายแล้ว เช่นต้นคูณ ต้นก้ามปู ต้นหางนกยูงฝรั่ง ยางพารา มะขาม ต้นหมาก เมื่อตอนที่ขึ้นมาใหม่ ๆ ดอกเห็ดจะมีลักษณะเป็นแท่ง จากยอดโคนลงมาเป็นสีขาว เหลือง และน้ำตาล เมื่อเจรฐเติบโตจนสมบูรณ์ส่วนบนจะแผ่ขยายออกรูปคล้ายพัด และมีสีน้ำตาลอมแดง จึงเป็นที่มาของชื่อเห็ดหลินจือแดงนั่นเอง
นักวิทยาศาสตร์ ได้ทำการศึกษาทดลองวิจัยสารสำคัญต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในเห็ดหลินจือ พบว่ามีมากมายกว่า 150 ชนิด ซึ่งนั่นทำให้เห็ดหลินจือมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีสรรพคุณในการบำบัดรักษาโรค
เราลองมาดูกันซะหน่อยว่า สรรพคุณทางยาที่นักวิจัยต่าง ๆ ได้ศึกษามาแล้วนั้น มีอะไรบ้าง
- สรรพคุณในการต้านสารอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ป้องกันเซลล์เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ มะเร็ง และการแก่ก่อนวัยของคุณผู้หญิงทั้งหลายด้วย
- ความสามารถในการควบคุมระบบการไหลเวียนของเลือด ลดความดันโลหิต ลดปริมาณน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำตาลหรือผู้ป่วยเบาหวาน
-มีสรรพคุณช่วยยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันในสมองและหัวใจ
- ช่วยในการบำรุงตับและเพิ่มคุณสมบัติในการทำลายสารพิษ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคตับอักเสบ
- สามารถสร้างระบบภูมิต้านทาน เพิ่มปริมาณเม็ดเลือดขาว ช่วยต้านทานไวรัส แบคทีเรีย เชื้อราและเซลล์มะเร็ง โดยจะมีสาร Polysaccharide จะช่วยกระตุ้นเซลล์ Lymphocyte-T ทำให้บรรเทาการเกิดโรคภูมิแพ้ ผื่นคัน และหอบหืดได้
- ล้างสารพิษในร่างกาย (Detoxification) สารสำคัญต่าง ๆ ในเห็ดหลินจือ กระจายไปทั่วร่างกาย เพื่อขับไล่พิษ สารพิษและสารตกค้างที่ทำให้เกิดโรค เช่นกรดยูริก น้ำตาล ไขมัน สารก่อมะเร็ง หรือสารเคมีต่าง ๆ ที่เป็นพิษต่อร่างกาย ที่สำคัญยังช่วยบำรุงไตให้ไตทำงานได้ดีขึ้น หรือในบางรายที่เป็นโรคไตเรื้อรัง ก็ยังช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของไตด้วย
ทั้งนี้กระบวนการล้างพิษของเห็ดหลินจืออาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ มีไข้ ปวดตามข้อ ท้องเสีย น้ำมูกไหล ไอ เป็นต้น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่รับประทาน 3-7 วัน จนเห็ดหลินจือได้ขับสารพิษออกจากร่างกายและร่างกายเริ่มปรับสภาพได้แล้ว
- สารเคมีในเห็ดหลินจือ ช่วยผ่อนคลายระบบประสาท จึงทำให้นอนหลับสนิท
วิธีการทานเห็ดหลินจือที่สำคัญ คือต้องดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อให้กระบวนการล้างพิษมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสำหรับผู้ที่ทานยาแผนปัจจุบันก็ยังสามารถรับประทานเห็ดหลินจือได้โดยไม่ต้องหยุดยาของแพทย์ แต่ควรรับประทานเห็ดหลินจือหลังจากทานยาแผนปัจจุบันไปแล้วประมาณ 1 ช.ม. ซึ่งจะช่วยในการบำบัดโรคตามแนวทางทฤษฎีการแพทย์ผสมผสาน
ใครที่สามารถรับประทานเห็ดหลินจือได้บ้าง
จากสรรพคุณที่ช่วยในการป้องกันและการบำบัดรักษา จึงเหมาะกับโรคของผู้สูงวัยและก่อนผู้สูงวัย ที่มีปัญหาเรื่อง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เส้นเลือดอุดตันในสมอง โรคตับ โรคไต โรคหอบหืด ภูมิแพ้ต่าง ๆ อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ รวมทั้งสามารถให้เป็นยาอายุวัฒนะ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ ที่จะนำไปสู่โรคมะเร็ง และช่วยชะลอความแก่ได้
แต่คนหนุ่มสาวที่ใส่ใจกับสุขภาพ ก็สามารถทานได้ จึงเหมาะสมกับ...
- ผู้ที่ชอบรับประทานเนื้อสัตว์แดง อาหารที่มีไขมันสูง ของปิ้ง ย่าง ทอด
- ผู้ที่ชอบสูบบุหรี่ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิต เบาหวาน หรือมีประวัติว่าญาติสนิทเป็นโรคดังกล่าว
- ผู้ที่เป็นไข้หวัดบ่อย มีภูมิต้านทานต่ำ แพ้อากาศง่าย พักผ่อนน้อย นอนหลับไม่สนิท
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่เคยเข้ารับการทำรังสีบำบัดมาก่อน (ทำคีโม)
ผู้ที่ต้องการจะทานเห็ดหลินจือแดง ปัจจุบันเลือกหาซื้อได้ง่าย และรับประทานได้ง่ายขึ้น เพราะมีหลายรูปแบบที่เป็นแบบสารสกัดเข้มข้นบรรจุในแคปซูล หรือถ้าใครอยากทานแบบดั้งเดิมก็สามารถเลือกทานทานแบบที่ขายเป็นแผ่นอบแห้ง แล้วเอาไปต้มดื่มก็ได้เช่นกัน
ทางเลือกอาหารเสริมสมุนไพร ที่มีหลากหลายมากขึ้น ใครที่สนใจสามารถหามาทานกันได้ แต่อย่าลืมเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีชื่อผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย รายละเอียดบนฉลากและวันหมดอายุอย่างชัดเจน รวมไปถึงการบรรจุหีบห่อก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน ต้องสะอาด เรียบร้อย ไม่มีรายฉีกขาด
สุขภาพดีย่อมมาจากร่างกายที่แข็งแรงเหมือนกับคำที่ว่า "You are what you eat"

ประวัติความเป็นมา วันตรุษจีน


เทศกาลจีนมีอยู่มากมาย ตรุษจีนเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของจีน เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามปฎิทินจีน ในปีนี้ตรงกับวันที่ 23 มกราคม 2555 เช่นเดียวกับสงกรานต์วันปีใหม่ไทย ทุกคนต่างให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่างหยุดงาน โรงเรียนสถาบันการศึกษาต่างปิดเทอมในช่วงนี้ เป็นปิดเรียนฤดูหนาว ยกเว้นคนที่ต้องทำหน้าที่ไม่สามารถหยุดงานได้ หน่วยงานห้างร้านต่างก็หยุดงาน 3-4 วัน เมื่อใกล้วันปีใหม่จีน ผู้คนต่างก็มีการตระเตรียมงานปีใหม่
ภายในครอบครัว ทุกบ้านก็จะทำความสะอาดบ้านเรือน ผ่านปีใหม่อย่างสะอาดสะอ้านสดใส ร้านค้าห้างสรรพสินค้าต่างก็เติมไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้แก่เด็กๆ ซื้อของขวัญให้แก่ญาติสนิทมิตรสหาย ซื้อบัตรอวยพร ในตลาดก็คราคร่ำไปด้วยผู้คน ต่างเดินไปเดินมากันขวักไขว่ ซื้อปลาบ้าง ซื้อเนื้อสัตว์บ้าง ซื้อเป็ดไก่บ้าง ทุกคนต่างดูแจ่มใสมีความสุข ช่วงเทศกาลปีใหม่ เด็กๆต่างมีความสุขมาก ต่างสวมเสื้อใหม่ ทานลูกกวาดขนมหวาน เล่นพลุประทัดอย่างรื่นเริง
คืนก่อนวันปีใหม่ คือวันสุดท้ายของปีนั่นเองเป็นคืนที่ครึกครื้นที่สุด ใครที่ไปทำงานห่างจากบ้านเกิด ต่างก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลับมาฉลองวันปีใหม่ที่บ้าน ตอนกินอาหารมื้อค่ำคืนก่อนขึ้นปีใหม่จีน ทุกคนในครอบครัวต่างนั่งกันพร้อมหน้าล้อมโต๊ะอาหาร ต่างชนแก้วอวยพรปีใหม่กัน ทานมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว บางคนก็ดูทีวี บางคนก็ฟังเพลง บางคนก็นั่งคุยกัน บางคนก็เล่นหยอกล้อกับเด็กๆ บ้านเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ พอถึงเที่ยงคืน คนจีนทางเหนือก็จะเริ่มทำเกี๊ยว (เจี้ยวจึ) คนจีนทางใต้ ก็จะปั้นลูกอี๋ทำน้ำเชื่อม ทำไป ชิมไปทานไป ครึกครื้นอย่างยิ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นแต่เช้า ทุกคนจะตื่นแต่เช้า เยี่ยมเพื่อนบ้าน เพื่อนฝูงอวยพรปีใหม่
ประวัติวันตรุษจีน หรือปีใหม่จีน
ตรุษจีนนั้นคล้ายคลึงกับวันปีใหม่ในประเทศทางตะวันตก ร่องรอยของประเพณี และพิธีกรรมความเป็นมาของการฉลองตรุษจีน นั้นมีมานานกว่าศตวรรษ จริงๆแล้วนานมาก จนไม่สามารถย้อนกลับไปดูว่าเริ่มต้นฉลองมาตั้งแต่เมื่อไร เป็นที่รู้จักและจำได้ทั่วไปว่าเป็น การฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และการฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน การเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่มหนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน (คล้ายกับวัน คริสต์มาสของประเทศตะวันตก) เมื่อผู้คนเริ่มซื้อของขวัญ, สิ่งต่างๆ เพื่อประดับบ้านเรือน, อาหารและเสื้อผ้า การทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้นในวันก่อนตรุษจีน บ้านเรือนจะถูก ทำความสะอาดตั้งแต่บนลงล่างหน้าบ้านยันท้ายบ้าน ซึ่งหมายถึงการกวาดเอาโชคร้าย ออกไป ประตูหน้าต่างมีการขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม ประตูหน้าต่างจะถูก ประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรอย่างเช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืนเป็นต้น
วันก่อนวันตรุษจีนนั้นเป็นวันแห่งการการรอคอยจะว่าไปถือวันที่น่าตื่นเต้นมากที่สุด ในบรรดาการฉลองทั้งหมดเห็นจะได้ ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ นั้นผูกไว้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ อาหาร ไปจนถึงเสื้อผ้า อาหารค่ำนั้นประกอบด้วยอาหารทะเล และอาหารนึ่งเช่นขนมจีบ ซึ่งแต่ละอย่างจะมีความหมายต่างๆกัน อาหารอันโอชะอย่างเช่นกุ้งจะหมายถึงชีวิตที่รุ่งเรือง และความสุข เป๋าฮื้อแห้งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี สลัดปลาสดจะนำมาซึ่งโชคดี จี้ไช่ (ผมเทวดา) สาร่ายดูคล้ายผมแต่กินได้จะนำความความร่ำรวยมาให้ และขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึงบรรพชนอวยพร และเป็นธรรมดาเสื้อผ้าที่ใส่สีแดงถือเป็นสีที่เป็นมงคลเป็นการไล่ปีศาจร้ายให้ออกไป และการใส่สีดำหรือขาวเป็นสิ่งต้องห้าม ซึ่งสีเหล่านี้ถือว่าเป็นสีแห่งการไว้ทุกข์ หลังจากอาหารค่ำทุกคนในครอบครัวนั่งกันจนเช้าเพื่อรอวันใหม่โดยการเล่นเกม เล่นไพ่ หรือดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับวันตรุษจีน และในวันนี้จะต้องไม่โกรธ ริษยา หรือ ไม่พอใจ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ดีสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง
เมื่อถึงวันตรุษจีน ประเพณีตั้งแต่โบราณมาเรียกว่า อังเปา ซึ่งหมายถึง กระเป๋าแดง เป็นการที่คู่แต่งงานให้เงินเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงานในซองสีแดง หลังจากนั้นทุกคน ในครอบครัว ต่าง ออกมาเพื่อกล่าวสวัสดีปีใหม่ เริ่มจากญาติๆ แล้วต่อด้วยเพื่อนบ้าน ซึ่งคงคล้ายกับการที่ชาวตะวันตกพูดว่า "Let bygones be bygones" (อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป) ในวันตรุษนี้ อารมณ์โมโหโกรธาจะถูกลืม และไม่สนใจ การฉลองวันตรุษจีนสิ้นสุดลงในงานโคมไฟ ซึ่งฉลองโดยการร้องเพลง เต้นรำ และงานแสดงโคมไฟ ถึงแม้ว่าการฉลองวันตรุษจีน จะมีแตกต่างกันออกไปแต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ การอวยพร ความสงบ และความสุขให้กับคนในครอบครัวและเพื่อนทุกคน
อาหารไหว้เจ้า
ตรุษจีน หมวย
ในวันฉลองตรุษจีนอาหารจะถูกรับประทานมากกว่าวันไหนๆในปี อาหารชนิดต่างๆที่ปฏิบัติกันจนเป็นประเพณี จะถูกจัดเตรียมเพื่อญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง รวมไปถึงคนรู้จักที่ได้เสียไปแล้ว ในวันตรุษครอบครัวชาวจีนจะทานผักที่เรียกว่า ไช่ ถึงแม้ผักชนิดต่างๆที่นำมาปรุง จะเป็นเพียงรากหรือผักที่มีลักษณะเป็นเส้นใยหลายคนก็เชื่อว่าผักต่างๆมีความหมายที่เป็น มงคลในตัวของมัน
เม็ดบัว - มีความหมายถึง การมีลูกหลานที่เป็นชาย
เกาลัด - มีความหมายถึง เงิน
สาหร่ายดำ - คำของมันออกเสียงคล้าย ความร่ำรวย
เต้าหู้หมักที่ทำจากถั่วแห้ง - คำของมันออกเสียงคล้าย เต็มไปด้วยความร่ำรวย และ ความสุข
หน่อไม้ - คำของมันออกเสียงคล้าย คำอวยพรให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุข เต้าหู้ที่ทำจากถั่วสดนั้นจะไม่นำมารวมกับอาหารในวันนี้เนื่องจากสีขาวซึ่งเป็นสีแห่งโชคร้าย สำหรับปีใหม่และหมายถึงการไว้ทุกข์
อาหารอื่นๆ รวมไปถึงปลาทั้งตัว เพื่อเป็นตัวแทนแห่งการอยู่ร่วมกัน และความอุดม- สมบรูณ์ และไก่สำหรับความเจริญก้าวหน้า ซึ่งไก่นั้นจะต้องยังมีหัว หางและเท้าอยู่ เพื่อ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ เส้นหมี่ก็ไม่ควรตัดเนื่องจากหมายถึงชีวิตที่ยืนยาว
ทางตอนใต้ของจีน จานที่นิยมที่สุดและทานมากที่สุดได้แก่ ข้าวเหนียวหวานนึ่ง บ๊ะจ่างหวาน ซึ่งถือเป็นอาหารอันโอชะ ทางเหนือ หมั่นโถ และติ่มซำ เป็นอาหารที่นิยม อาหารจำนวน มากที่ถูกตระเตรียมในเทศกาลนี้มีความหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์และความร่ำรวยของบ้าน
ความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน
ทุกคนจะไม่พูดคำหยาบหรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่ ซึ่งออกเสียงคล้ายความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา ต้องไม่มีการพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย และเรื่องผีสางเป็นเรื่องที่ต้องห้าม เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ ก็จะไม่เอามาพูดถึง ซึ่งการพูดควรมีแต่เรื่องอนาคต และทุกอย่างที่ดีกับปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่
หากคุณร้องไห้ในวันปีใหม่ คุณจะมีเรื่องเสียใจไปตลอดปี ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฎิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน และไม่ตีสั่งสอน
การแต่งกายและความสะอาด ในวันตรุษจีนเราไม่ควรสระผมเพราะนั้นจะหมายถึงเราชะล้างความโชคดีของเราออกไป เสื้อผ้าสีแดงเป็นสีที่นิยมสวมใส่ในช่วงเทศกาลนี้ สีแดงถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข ซึ่งจะนำความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่ เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี เด็ก ๆ และคนโสด เพื่อรวมไปถึงญาติใกล้ชิดจะได้ อังเปา ซึ่งเป็นซองสีแดงใส่ด้วย ธนบัตรใหม่เพื่อโชคดี
วันตรุษจีนกับความเชื่ออื่น ๆ สำหรับคนที่เชื่อโชคลางมากๆ ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปเยี่ยมเยียนเพื่อนหรือญาติ อาจมีการเชิญซินแส เพื่อหาฤกษ์ที่เหมาะสมในการออกจากบ้านและทางที่จะไปเพื่อ เป็นความเป็นสิริมงคล
บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปีมีความหมายสำคัญมาก ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนกนางแอ่น ถือเป็นโชคดี
การเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษ ถือเป็นโชคร้ายดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนป่วยก็ต้องแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก
ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกรในวันตรุษเพราะเชื่อว่าจะเป็นการตัดโชคดี ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าชาวจีนทุกคนจะคงยังเชื่อตามความเชื่อที่มีมาแต่ทุกคนก็ยังคงยึดถือ และปฎิบัติตาม เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนธรรมเนียม และวัฒนธรรม โดยที่ชาวจีน ตระหนักดีว่าการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมมาแต่เก่าก่อนเป็นการแสดงถึงความเป็น ครอบครัวและเอกลักษณ์ ของตน
15 วันแห่งการฉลองตรุษจีน
วันแรกของปีใหม่ เป็นการต้อนรับเทวดาแห่งสวรรค์และโลก หลายคนงดทานเนื้อ ในวันนี้ด้วยความเชื่อที่ว่าจะเป็นการต่ออายุและนำมาซึ่งความสุขในชีวิตให้กับตน
วันที่สอง ชาวจีนจะไหว้บรรพชนและเทวดาทั้งหลาย และจะดีเป็นพิเศษกับสุนัข เลี้ยงดูให้ข้าวอาบ น้ำให้แก่มัน ด้วยเชื่อว่า วันที่สองนี้เป็นวันที่สุนัขเกิด
วันที่สามและสี่ เป็นวันของบุตรเขยที่จะต้องทำความเคารพแก่พ่อตาแม่ยายของตน
วันที่ห้า เรียกว่า พูวู ซึ่งวันนี้ทุกคนจะอยู่กับบ้านเพื่อต้อนรับการมาเยือน ของเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ในวันนี้จะไม่มีใครไปเยี่ยมใครเพราะจะถือว่าเป็นการนำโชคร้าย มาแก่ทั้งสองฝ่าย
วันที่หก ถึงสิบชาวจีนจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของ ครอบครัว และไปวัดไปวาสวดมนต์เพื่อความร่ำรวยและความสุข
วันที่เจ็ด ของตุรุษจีนเป็นวันที่ชาวนานำเอาผลผลิตของตนออกมาชาวนาเหล่านี้จะทำน้ำที่ทำมาจากผักเจ็ดชนิดเพื่อฉลองวันนี้ วันที่เจ็ดถือเป็นวันเกิด ของมนุษย์ในวันนี้อาหารจะเป็น หมี่ซั่วกินเพื่อชีวิตที่ยาวนานและปลาดิบเพื่อความสำเร็จ
วันที่แปด ชาวฟูเจียน จะมีการทานอาหารร่วมกันกับครอบครอบอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนทุกคนจะสวดมนต์ของพรจาก เทียนกง เทพแห่งสวรรค์
วันที่เก้า จะสวดมนต์ไหว้และถวายอาหารแก่ เง็กเซียนฮ่องเต้
วันที่สิบถึงวันที่สิบสอง เป็นวันของเพื่อนและญาติๆ ซึ่งควรเชื้อเชิญมาทานอาหารเย็น และหลังจากที่ทานอาหารที่อุดมไปด้วยความมัน วันที่สิบสามถือเป็นวันที่เราควรทานข้าวธรรมดากับผักดองกิมกิ ถือเป็นการชำระล้างร่างกาย
วันที่สิบสี่ ความเป็นวันที่เตรียมงานฉลองโคมไฟซึ่งจะมีขึ้น ในคืนของวันที่สิบห้าแห่งการฉลองตรุษจีน