วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Renaissance


Renaissance


ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา หรือ ยุคเรอเนสซองซ์ (ฝรั่งเศส: Renaissance; แปลว่า การเกิดใหม่ อิตาลี: Il Rinascimento; อังกฤษ: Renaissance ) เป็นช่วงเวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในทวีปยุโรป ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรมยุคใหม่ ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอยู่ระหว่างยุคกลาง (Middle Age) และยุคใหม่ หรือยุคโมเดิร์น( Modern Age) การเริ่มต้นของยุคฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมเริ่มต้นในประเทศอิตาลีเนื่องจากเป็นประเทศที่เป็นเมืองท่าในการติดต่อค้าขายระหว่างโลกตะวันตกและโลกตะวันออกในคริสต์ศตวรรษที่ 14 และยุโรปเหนือในคริสต์ศตวรรษที่ 16

ประวัติของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา

หลังจากสงครามครูเสดอันยาวนานร่วม 300 ปีสิ้นสุดลง ยุโรปก็เข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา เนื่องจากมีการขุดค้นพบซากเมืองโบราณของกรีกและโรมัน ทำให้ยุโรปได้นำศิลปวิทยาการจากการขุดค้นพบมาปรับปรุง ดัดแปลงใหม่ ทำให้ยุโรปมีความเจริญก้าวหน้าในศาสตร์ทุกๆด้าน อาทิเช่น

1. ศิลปศาสตร์ ศิลปินและผลงานที่มีชื่อเสียง เช่น เลโอนาร์โด ดา วินชี ผู้วาดรูปโมนาลิซ่า ไมเคิล แองเจลโล ผู้ปั้นรูปปั้นเดวิด ซึ่งเชื่อว่าเป็นชายที่มีสัดส่วนสมบูรณ์ที่สุดในโลก ราฟาเอล ผู้กำกับการสร้างและตกแต่ง มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เป็นต้น

2. เทคโนโลยี เทคโนโลยีที่สำคัญคือ เทคโนโลยีการต่อเรือ โดยชาติที่เป็นผู้ริเริ่มคือโปรตุเกส และ สเปน ซึ่งทำให้การติดต่อค้าขายกับเอเชียสะดวกขึ้น

3. วิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ เช่น เซอร์ไอแซก นิวตัน ผู้ค้นพบกฎแรงโน้มถ่วง เป็นต้น

4. ตัวอย่างศิลปะแบบเรอเนสซองซ์ในไทย เช่น พระราชวังพญาไท

ศิลปะ

ศิลปะเรอเนสซองซ์ (พ.ศ. 1940 - 2140) คำว่า "เรอเนสซองซ์" หมายถึง การเกิดใหม่ ซึ่งเป็นการระลึกถึงศิลปะกรีกและโรมันในอดีต ซึ่งเคยรุ่งเรืองให้กลับมาอีก ศิลปะเรเนสซองซ์ไม่ใช่การลอกเลียนแบบจากอดีต แต่เป็นยุคสมัยแห่งการเน้นความสำคัญของลักษณะเฉพาะบุคคล มีความสนใจลักษณะภายนอกของมนุษย์ และ ธรรมชาติ เป็นแบบที่มีเหตุผลทางศีลธรรม ก่อให้เกิดความกระตือรือร้นในการค้นหาความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ และวิทยาการแขนงต่าง ๆ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น "ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา" โดยมีรากฐานมาจากประเทศอิตาลี และแผ่ขยายไปยังดินแดนต่าง ๆ ในยุโรป

ในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา วัดยังคงเป็นผู้อุปถัมภ์ที่สำคัญของเหล่าศิลปินนอกจากนี้ยังมีพวกขุนนาง พ่อค้าผู้ร่ำรวย ซึ่งเป็นชนชั้นสูงก็ได้ว่าจ้าง และอุปถัมภ์เหล่าศิลปินต่าง ๆ ด้วย ตระกูลที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น ได้แก่ ตระกูลวิสคอนตี และสฟอร์ซา ในนครมิลาน ตระกูลกอนซากาในเมืองมานตูอา และตระกูลเมดีชีในนครฟลอเรนซ์ การอุปถัมภ์ศิลปินนี้มีผลในการกระตุ้นให้ศิลปินใฝ่หาชื่อเสียง และความสำเร็จมาสู่ชีวิตมากขึ้น ผลงานของศิลปินที่มีทั้ง จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ทำให้ชื่อเสียงของศิลปินหลายคน เป็นที่รู้จักทั่วโลกตลอดกาล เช่น ลีโอนาร์โด ดา วินชี มิเกลันเจโล ราฟาเอล สถานภาพทางสังคมของศิลปินเป็นที่ยอมรับกันอย่างสูงในวงสังคม เกิดสำนักทางศิลปะเพื่อฝึกฝนช่างฝีมือ และเกิดมีศิลปินระดับอัฉริยะขึ้นมาอย่างมากมาย และในยุคยุคฟื้นฟูศิลปวิทยานี้เอง ที่มีการพัฒนาการพิมพ์ขึ้นในประเทศเยอรมนีโดย โยฮันน์ กูเทนแบร์ก เป็นผู้ผลิตนวัตกรรมชิ้นนี้ขึ้นมา ราวพุทธศตวรรษที่ 20 ทำให้ศิลปะการพิมพ์ได้เริ่มมีการสร้างสรรค์ขึ้นอย่างจริงจัง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ทัชมาฮัล: Taj Mahal(1ใน7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก)

Taj Mahal


ชื่อสถานที่ ทัชมาฮัล: Taj Mahal

สถานที่ตั้ง เมืองอักรา ประเทศอินเดีย


ทัชมาฮัล เป็นอนุสาวรีย์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ของโลก เพราะที่นี่เป็นสุสานฝังศพของ มุมทัชมาฮัล ราชินีผู้ป็นที่รักยิ่งของ พระเจ้าชาห์เยฮัน อยู่ในเมืองอัคระ บนฝั่งแม่น้ำยมนา ประเทศอินเดีย

มุมทัชมาฮาล เป็นมเหสีที่พระเจ้าชาห์เยฮันรักมากที่สุด พระนางสิ้นพระชนม์เพราะคลอดโอรสองค์ที่ 15 ซึ่งทำให้พระเจ้าชาห์เยฮัน เศร้าโศกมาก พระองค์จึงสร้างที่ฝังศพที่หญ่โตที่สุดในโลกขึ้นที่ริมแม่น้ำยมนา
สร้างระหว่างปี พ.ศ. 2173-2191 (ค.ศ. 1630-1648) เสียเวลาสร้างอยู่ 23 ปี ทกส่วนสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวนวลบริสุทธิ์ ตามแบบสถาปัตยกรรมเปอร์เซีย โดยสถาปนิก อุสตาด ไอสา (Ustad lsa) มีผู้ร่วมสร้างเป็น ผู้ออกแบบ ช่างเขียนลวดลาย ช่างอิฐ ช่างปูน ช่างประดับลวดลายด้วยกระเบื้อง ช่างแกะสลัก ช่างตกแต่งภายใน รวม 20,000 คน วัตถุในการก่อสร้าง คือ หินอ่อนสีขาวจากเมืองมะครานา หินอ่อนสีแดงจากเมืองฟาตีบุระ หินอ่อนสีเหลือง จากฝั่งแม่น้ำนรภัทฑ์ เพชรตาแมวจากกรุงแบกแดด ปะการัง และ หอยมุกจากมหาสมุทรอินเดีย หินเจียรไนสีฟ้าจากเกาะลังขะ เพชรจากเมืองบนทลขัณฑ์ สิ้นเงินค่าก่อสร้าง 50,000,000 เหรียญอเมริกัน หรือ ประมาณ 1,000,000,000 บาท

ซึ่งได้รับคำรับรองจากสถาปนิกทั่วโลกว่าสร้างขึ้นโดยถูกสัดส่วน และ วิจิตรงดงามที่สุด กว้างยาวด้านละ 39 เมตร(130 ฟุต) ตรงกลางมีโดมสูง 60 เมตร(200 ฟุต) มีโดมเล็กๆ เป็นหสูงอยู่ทั้ง 4 มุม ภายในประดับด้วย หินอ่อนสลักฉลุเป็นลวดลายวิจิตรตระการตาแทรกเสริมด้วย พลอยสี ทับทิม และนิล ตรงกลางภายใต้หลังคาโดมใหญ่มีแท่นวางหีบศพที่ทำด้วยหินอ่อน และมีฉากหินอ่อนฉลุลายงามเป็นพิเศษกั้นอีกชั้นหนึ่ง แต่ศพจริงๆ ไม่ได้บรรจุอยู่ในหีบ หากฝังอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินตรงกับที่วางหีบศพนั้น ภายหลังที่สร้างทัชมาฮัล ซาร์เจฮันใฝ่ฝันที่จะสร้าง ที่ฝังศพตัวเองที่ฝั่งแม่น้ำตรงกันข้ามจะเป็นหินอ่อนสีดำล้วนๆ แต่ลูกชายเกรงเงินจะหมดจะไม่มีใช้ เมื่อขึ้นครองราชสมบัติจึงจับพ่อขังอยู่ได้ 7 ปี ก็สิ้นพระชนม์ ประมาณปี พ.ศ.2209 (ค.ศ.1666) แล้วเอาศพไปฝังข้างศพแม่ ส่วนนายช่างผู้ออกแบบถูกสั่งให้ประหาร ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีโอกาสออกแบบสิ่งก่อสร้างใด ๆ ที่สวยกว่าได้

ทัชมาฮัลเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าสร้างขึ้นมาได้อย่างเหมาะสมสวยงามน่ามหัศจรรย์


สนามกีฬากรุงโรม: Colosseum of Rome(1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลก)






ชื่อสถานที่ สนามกีฬากรุงโรม: Colosseum of Rome

สถานที่ตั้ง กรุงโรม ประเทศอิตาลี

สนามกีฬากลางแจ้งแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงของโลกอย่างหนึ่ง เป็นอนุสรณ์ที่ ใหญ่โตของอาณาจักร โรมันสมัยโบราณสร้างขึ้นในระหว่างสิพ.ศ. 615 ถึง 623 (ค.ศ. ที่ 72 ถึง 80)

ตัวสนามสร้างมีรูปเป็นตึกวงกลมก่อด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ วัดโดยรอบยาว 527 เมตร สูง 57 เมตร มี 4 ชั้น ภายในมีอัฒจรรย์สำหรับคนนั่งดู จุคนดูประมาณ 80,000 คน ใต้อัฒจรรย์ และใต้ดินมีห้องสำหรับขังนักโทษที่รอการประหารชีวิต และสิงโต หลายร้อยห้อง ใช้เป็นสถานที่ให้นักโทษ ต่อสู้กับสิงโตที่อดอาหาร หากนักโทษผู้ใดเอาชนะ ฆ่าสิงโตได้ด้วยมือเปล่าได้ก็รอดชีวิตไป หรือ ไว้ใช้เป็นที่ประลองฝีมือในเชิงฟันดาบของบรรดาเหล่าทาสให้ต่อสู้กันเอง ยิ่งถ้าต่อสู้กัน จนถึงสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ตาย ก็จะได้รับเกียรติอย่างสูงเพราะเป็นการต่อสู้ที่ชาวโรมันนิยมและยกย่องกันมากทปีๆธิหนึ่งต้องสูญเสียชีวิตนักโทษและทาสไม่ต่ำกว่าร้อยคน

สนามกีฬาแห่งนี้จึงเป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโรมันโบราณ แต่เมื่ออาณาจักรโรมันเสื่อมลงชัก็ถูกข้าศึกทำลายหลายครั้งหลายหน

ในปัจจุบันยเหลือแต่ซากโครงสร้างอันใหญ่โตมโหฬารไว้ให้ชม


เปตรา : Petra (1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลก)


Petra


ชื่อสถานที่ เปตรา: Petra

สถานที่ตั้ง ประเทศจอร์แดน

นครเปตราในจอร์แดนเป็นเมืองที่เจาะสลักเข้าไปในหินเกือบทั้งหมด รอบบริเวณ ไม่ว่าจะเป็น วิหาร หลุมศพ บันได โรงละคร ซึ่งขุดสลัก มาแต่ยอดเขาลงมาเป็นหลืบลดหลั่นเป็นช่อชั้นงดงาม แสดงถึงฝีมือและ ศิลปะในการสลักหินได้อย่างยอดเยี่ยม สีของหินก็กลมกลืนกันดี ตัวตึกสี เลือดนก สีกุหลาบและสีม่วงเป็นลำดับ ถือกันว่าเป็นศูนย์กลางของอารยธรรม เบื้องต้นของเขตตะวันออกกลางที่เรียกว่านาบาทีนส์ คนแถบนี้เป็นพวกเร่รอน อาชีพเลี้ยงแกะอยู่ไม่เป็นที่ เป็นพวกชอบทำธุรกิจค้าขายเครื่องเทศจากตะวันออก ไปยังเขตเมดิเตอร์เรเนียน จากนั้นก็ขนส่งลงเรือไปสู่ยุโรป ในช่วงเวลาที่มีการ ค้าขายอย่างกว้างขวางกับอาณาจักรต่าง ๆ สืบมาจนถึงปัจจุบันได้ใช้เส้นทาง ในเขตซีเรียสู่ซาอุดีอารเบียโดยอาศัยกองคาราวานขนส่ง ได้สร้างความร่ำรวย และอำนาจราชศักดิ์ จนได้กลายมาเป็นนครเปตราขึ้นจากพวกอีโดไมท์ ซึ่งถือ เป็นเมืองหลวงในราว 300 ปี ก่อนคริสต์กาล
ในคริสต์ศตวรรษที่2 พวกนาบาทีนส์ต้องพ่ายแก่เผ่าพวกโรมัน จำเป็นต้องเข้ารวมกับอาณาจักรโรมันแต่ความสำคัญด้านการค้าของนครเปตรา ยังอยู่ต่อไปโดยมีชาวโรมันคอยหนุนหลัง ถนนโรมันถูกสร้างขึ้นจากซีเรียไปยังทะเลแดง โดยฝีมือของชาวเมืองทรอยตามอย่างถนนโรมัน ศิลปะนี้เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป พวกศริสเตียนได้นำมาดัดแปลงสร้างเป็นสถานนมัสการพระเจ้า
สิ่งก่อสร้างสำคัญชิ้นหนึ่งในนครเปตราคือมหาวิหารกวาซร์ ฟีราโอน ซึ่งสร้างสมัยพระเจ้าอาเรตัสที่4 มหาราชของชาวนาบาทีนส์ ซึ่งครองราชย์ระหว่าง 9 ปีก่อน ค.ศ. จนถึง ค.ศ. 40

การบูรณปฏิสังขรณ์นครเปตรากำลังดำเนินอยู่อย่างมาก ในปัจจุบัน นครแห่งนี้ถูกค้นพบในรูปปรักหักพังมาตั้งแต่ ค.ศ. 1812 นับเป็นนครที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้ไปชมปีละมากมาย ความนิยมดังกล่าวช่วยยกฐานะให้นครเปตรากลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ โปราณสิ่งหนึ่งในโลก

อาณาจักรอินคา : Inca city , Machu Picchu(1ใน7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก)

Inca city , Machu Picchu



ชื่อสถานที่ อาณาจักรอินคา: Inca city , Machu Picchu

สถานที่ตั้ง เมืองบคุสโซ ประเทศเปรู

ใกล้ๆ เมืองคุสโซ ภูมิประเทศแสนกันดารยากจะเข้าถึง เป็นยอดสูงมีบริเวณรอบ ๆ รวมแล้วความสูงของหน้าผาประมาณ 304.8 เมตร (1,000 ฟุต) ฮิแรม บิงแฮม นักสำรวจชาวอเมริกัน ไปพบมาจุ ปิคชุ ในปี ค.ศ. 1911 บริเวณนั้นเป็นป่าใหญ่คลุมพื้นที่อยู่ นอกจากสิ่งก่อสร้าง ปรักหักพังบางส่วนที่โผล่อยู่ให้เห็นสิ่งก่อสร้างดังกล่าวบ่งบอกให้เห็นความสามารถยอดเยี่ยม เชิงสถาปัตยกรรมของชาวอินคาในอดีตที่ปรากฎก็มีโบสถ์วิหาร อ่างหินสำหรับเก็บน้ำ บันไดหินเป็นพัน ๆ ขั้น เพือเป็นทางทอดระเบียงลงไปในที่ต่าง ๆ แห่งนครผู้เขานี้

เรื่องราวการพิชิตอาณาจักรอินคาเริ่มจากปี ค.ศ. 1532 เกิดการต่อสู้วิวาทของชาวพื้นเมือง เปิดโอกาสให้ ฟรานโก ปิซาโร นักผจญภัยชาวสเปน จับหัวหน้าเผ่าอินคาชื่อ อตา ฮวลปา ไว้บังคับให้บอกที่ซ่อนทองพอรู้เรื่องก็ปล้นยึดเอาไปจากอาณาจักรอินคาแต่เป็นชัยชนะระยะสั้น ได้เกิดการสู้รบระหว่างนักผจญภัยชาวสเปนคนอื่น ๆ และปิซาโร ลงท้ายด้วยปิราโซกับพวก จำนวนมากได้ถูกสังหาร พวกชาวพื้นเมืองพยายามตีโต้ขับไล่พวกสเปนจากภูเขาที่มั่นคงแข็งแกร่งแห่งมาจุ ปิคชุ

หลังจากพวกอินคาได้ลุกฮือขึ้นต่อสู้ได้มีการตั้งผู้ปกครองคือ มานโค คาแปค ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก สมัยมานโคที่ 2 ชาวพื้นเมืองได้รวมตัวกันก่อสงครามเบ็ดเสร็จขับไล่พวกสาเปนจากภูเขาอันเป็นที่มั่น รบกันไม่นาน ฝ่ายสเปนกลับได้เปรียบ พวกชาวพื้นเมืองเผ่าอินคาถูกสังหารล้มตายลงราวกลับใบไม้ร่วง จนในที่สุดแม้ตัวมานโค ผู้เป็นหัวหน้าก็ตายในที่รบ


กำแพงเมืองจีน : Great Wall of China



Great Wall of China




ชื่อสถานที่ กำแพงเมืองจีน: Great Wall of China

สถานที่ตั้ง ประเทศจีน

กำแพงเมืองจีน หรือกำแพงอิฐยักษ์ เป็นกำแพงกั้นเมือง และกั้นประเทศทั้งประเทศ ตามพรมแดนด้านเหนือของจีน เป็นกำแพงที่ยาวใหญ่มหึมา หาที่ใดในโลกมาเปรียบ ไม่ได้อีกแล้ว มีขนาดกว้างตั้งแต่ 4.5 เมตร ถึง 7.5 เมตร(10 ฟุต) ซึ่งทหารม้าเข้าแถวเรียง 8 ได้อย่างสบาย ๆ มีความสูง จากพื้นด้านล่างตั้งแต่ 8 เมตร ถึง 9 เมตร(20-30 ฟุต หนา15-25 ฟุต) สูงพอที่จะไม่สามารถ ปีนข้ามไปได้ง่าย ๆ เดิมเชื่อว่ามีความยาว 2,550 ไมล์ ( 2,400 กิโลเมตร) บนกำแพงทุก ๆ ระยะ 200 เมตร(300 ฟุต) จะมีหอหรือป้อม สำหรับตรวจเหตุการณ์ มีป้อมมากกว่า 15,000 แห่ง สร้างสูงขึ้นไปอีก 3 เมตร ถึง 6 เมตร และมีระฆังแขวน เพื่อตีบอกสัญญาณเกิดเหตุ ไว้ประจำทุกหอ รวมทั้งหมดมีไม่ต่ำกว่า 20,000 หอ เริ่มสร้างระหว่างปี พ.ศ. 300-329 (243-252ปีก่อนคริสตกาล) ในสมัยพระเจ้าซี่วังตี่ ใช้เวลาสร้างประมาณ 10 ปี และมีการสร้างต่อเติมอีกหลายกครั้ง ใช้แรงงานเกณฑ์จากราษฎรทั้งประเทศ นับจำนวนล้าน มีผู้เสียชีวิตนับพันนับหมื่น

เป็นสิ่งก่อสร้าง ชนิดเดียวในโลก ที่สามารถมองเห็น เมื่อมองจากดวงจันทร์ ในสมัยนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างที่ป้องกันข้าศึกได้อย่างดีเยี่ยม ปัจจุบันไม่มีความหมายในด้านป้องกันประเทศอีกแล้ว คงมีค่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์อย่างหนึ่งของโลก

วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

รูปปั้นของพระเยซู เมือง ริโอ เดอ จาเนโร : Statue Cristo Redentor (1ใน7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก)

Statue Cristo Redentor



ชื่อสถานที่ รูปปั้นของพระเยซู เมือง ริโอ เดอ จาเนโร : Statue Cristo Redentor

สถานที่ตั้ง เมือง Rio de Janeiro ประเทศบราซิล

รูปปั้นของพระเยซูที่โปรดให้พ้นบาป ยืนสูง 30 เมตร (98ฟุต) และกำลังมองข้ามเมือง Rio de Janeiro หนึ่งในรูปปั้นสูงที่สุด ในโลก. รูปปั้นแสดง พระเยซูเยืนยื่นแขนออกมาต้อนรับ และเป็นหนึ่งของสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงมากของเมืองนี้ พัฒนาดดยวิศวกร Heitor da Silva Costa และองค์กร สร้างขึ้นในปี 1921 ดครงการทำเกือบ 5 ปีจึงเสร็จสิ้น รูปปั้นอยู่บนภูเขา Corcovado (ภูเขา Hunchback ) และตั้งใน อุทยานแห่งชาติ Tijuca เป็นสถานที่ปิคนิกที่รื่นเริง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปฐานของรูปปั้น ซึ่งสูง 709 m (2326ฟุต) สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขา Sugar Loaf กลางเมือง Rio de Janeiro และชายหาดของ Rio de Janeiro นักท่องเที่ยวสามารถ ขึ้นรถไฟ ไปบนยอดของภูเขาเพื่อมองรูปปั้นอย่างใกล้ชิด และสร้างวิวที่สวยงามมากมาย

ชิเชน อิตสา : Chichen Itza (1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก)


Chichen Itza




ชื่อสถานที่ ชิเชน อิตสา : Chichen Itza

สถานที่ตั้ง ประเทศเม็กซิโก

ชิเชน อิตสา เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิหารจำนวนมากมายซึ่งพวกมายาได้สร้างขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ของเทพเจ้าผู้ทรงกระหายพระโลหิต ตัววิหารก่อสร้างซ้อนกันเป็นชั้น ๆ บนเนื้อที่ราว 6.4 ตารางกิโลเมตร วิหารที่ใหญ่สุดมีชื่อว่า มหาวิหารแห่งนักรบ สร้างคริสต์ศตวรรษที่ 12 สร้างทีหลัง วิหารเก่าแห่งชัคมูล ตรงกลางสร้างเป็นปราสาทเหลี่ยมทึบสูงขึ้นไปใช้เป็นที่ทำพิธีสังเวยเทพเจ้าโดย ใช้เด็กสาวโยนลงไปถวายเทพเจ้า ณสิที่นั้น
ลักษณะโดยทั่วไปของชิเชน อิตสา ทำเป็นรูปเหลี่ยมลดขั้นเป็นชั้น ๆ มีบันไดกลาง รอบ ๆ ทำเป็นบริเวณตลาดทำนองเดียวกับสถานสถิตยุติธรรมของพวกโรมันทซึ้งอยู่กลางเมือง ที่สาธารณะ เป็นที่รวมของฝูงประชาชน
ชนเผ่ามายาแห่งเม็กซิโก สืบสายมาจากคนพวกแรกที่เดินทางจากเอเชีย เข้ามายัง อเมริกา ทางช่องแคบเบริ่ง ได้มีการพัฒนาทางวัฒนธรรมทั้งในด้านเหี้ยมโหดอันป่าเถื่อน และความมีธิสติปัญญาอันสูงส่งในขณะเดียวกัน
พวกมายาฝึกความเสียสละด้านมนุษยชาติ ควักหัวใจผู้ที่รับการบูชาออกสังเวยพระเจ้า ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาความรู้ด้านดาราศาสตร์ ศิลปะของสถาปัตยกรรม ทางอักษรศาสตร์ ด้านการเขียนบันทึกด้วยตัวอักษรพิเศษ และการค้นพบค่าของเลข 0 ทางคณิตศาสตร์ แต่ก็น่าแปลกชัที่พวกนี้มิได้ค้นพบประโยชน์อันเกิดจากล้อเลื่อน
ศูนย์กลางของอารยธรรมของคนพวกนี้อยู่ที่ชิเชน อิตสา ในคาบสมุทรยุกาตัน ผู้ค้นพบ ขุมอารยธรรมเหล่านี้แล้วนำออกมาเผยแพร่ให้ชาวโลกได้ทราบคือ นายธอมป์สันยชาวอเมริกา ผู้ใช้ชีวิตซอกซอนท่องเที่ยวไปในหมู่พวกมายาด้วยความสนใจจะศึกษาสิ่งลึกลับต่าง ๆ
บางทีอาจกล่าวได้ว่าพวกมายาจะเป็นต้นตำรับของพวกบูชาความสงบที่ต้องการศาสนารุนแรง นองเลือด หลังจากที่เคยพ่ายแพ้พวกชนเผ่าโตลเต็ค ซึ่งอยู่ตอนกลางของเม็กซิโก ในท้ายที่สุด พวกมายาก็ตกอยู่ใต้อำนาจของผู้ที่นิยมความรุนแรงที่เหนือกว่า ในเมื่อผู้ชนะที่กระหายเลือด โลภที่ จะได้ทอง และทรัพย์สมบัติของพวกมายาอย่างเต็มที่

Barack Obama

บารัค โอบามา Barack Obama



.......แต่รักในวัยเรียนดำเนินไปได้ไม่นาน เมื่อโอบามาน้อยลืมตาดูโลกได้เพียง 2 ปี พวกเขาก็แยกทางกัน โอบามาน้อยยังคงอยู่กับมารดาในอเมริกา ส่วนบิดาของเขากลับไป ทำงานที่เคนยา และแต่งงานใหม่กับหญิงอเมริกันในเคนยา เป็นการเริ่มต้นครอบครัวครั้งที่ 3 แต่ก็ไปกันได้ไม่นาน จากความทุกข์ หลายๆ ด้านประดังเข้ามา ทำให้บิดาของเขา เริ่มหันมา "ดื่ม" เพื่อลืมปัญหาทาง ด้านมารดาของเขา หลังจากเลิกรากับบิดาของโอบามา เธอแต่งงานใหม่ กับ Lolo Soetoro นักศึกษาชาวอินโดนีเซีย และมีบุตรสาวหนึ่งคนชื่อ Maya เมื่อโอบามา อายุ 6 ปี มารดาของเขากับครอบครัวใหม่ได้ย้ายไปอยู่ ณ เมืองจาการ์ตาในอินโดนีเซีย ที่ที่เขาเริ่มต้นชีวิตวัยเรียนครั้งแรกในต่างแดน จนกระทั่งอายุครบ 10 ปี เขาถูกส่งกลับมาอยู่กับตากับยายของเขาที่ฮาวาย จนกระทั่งจบเกรด 5บิดา ผู้ให้กำเนิดโอบามาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในขณะที่โอบามาน้อยกลายเป็นหนุ่มวัย 21 ปี และอีก 13 ปีต่อมา เขาสูญเสียมารดาที่จากไปด้วยโรคมะเร็งในรังไข่ เพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่เขาเขียนหนังสือไว้อาลัยให้กับบิดาของเขา โดยใช้ชื่อเรื่องว่า "ความฝันจากพ่อของฉัน" หรือ "Dreams from My Father" ซึ่งต่อมาเป็นหนังสือขายดีมาก และทำให้หลายคนชื่นชอบในตัวเขา

จากแง่คิดในหนังสือเรื่องนี้ ในหนังสือเขาบรรยายถึงความรู้สึกในวัยเด็กของเขาที่มีปมด้อย มีความสับสนในที่มาและที่ไปของเขา เขาเติบโตท่ามกลางสองสีผิว ดังข้อความที่เขากล่าวไว้ในหนังสือเล่มนั้นว่า "พ่อของฉันไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวฉันเลย ท่าน ตัวดำอย่างกับยางมะตอย แม่ของฉันก็ขาวอย่างกับน้ำนม"


.......ในวัยรุ่น โอบามารู้สึกแปลกแยกมากในสังคม เขาเปิดอกในหนังสือว่า เขาต้องหัน ไปพึ่งของมึนเมาและยาเสพติด ไล่มาตั้งแต่ เหล้า กัญชา และโคเคน เพื่อทำให้ลืมว่าเขาเป็นใคร... โอบามาเติบโตมาท่ามกลางความหลากหลายในความคิดเรื่องศาสนา... จากพ่อผู้ให้กำเนิดชาวมุสลิมที่มีความเชื่อว่า พระเจ้าไม่มีอยู่จริง จากแม่ที่มาจากครอบครัว ที่ไม่ยึดถือศาสนาใด และพ่อเลี้ยงชาวอินโดนีเซียที่ไม่เห็นว่าศาสนามีความสำคัญมากนักในการดำเนินชีวิต.เขาจึงต้องพยายามแสวงหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจด้วยตนเอง จนกระทั่งเขาลงเอยที่เป็นสมาชิกของโบสถ์ Trinity สังกัด United Church of Christ ที่ไม่ปิดกั้นการคิดเชิงวิจารณ์ (Critical Thinking) พร้อมทั้งไม่ขัดขวางการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และเท่าเทียมกันทางสังคมและเศรษฐกิจแม้ว่าชีวิตในวัยเยาว์ของโอบามาจะ ไม่เป็นสุขมากนัก แต่เขาสามารถสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบียที่มีชื่อเสียง หลังจากเรียนจบเขาเข้าร่วมงานกับองค์กรไม่แสวงหากำไร โดยเป็นที่ปรึกษาโครงการฝึกอาชีพให้แก่โบสถ์แห่งหนึ่งในชิคาโก เมื่อเขาอายุได้ 27 ปี เขาศึกษาต่อที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด


.........ในปีเดียวกันนั้นเขาพบรักกับ Michelle Robinson นิติกรสาวผิวดำจากบริษัทกฎหมาย Sidley & Austin ในชิคาโกที่เขาเคยร่วมงาน ขณะศึกษาอยู่ได้ 2 ปี เขาเป็นคนผิวดำคนแรกที่ได้รับเลือกเป็นประธานของ Harvard Law Review ในรอบ กว่าศตวรรษจากนั้นเมื่อเขาสำเร็จนิติศาสตร์ ในปี 1991 เขามารับหน้าที่เป็นที่นิติกรสมทบ ให้บริษัทที่ปรึกษากฎหมาย Miner, Barnhill & Galland ในชิคาโก และสมรสกับ Michelle ในปีต่อมา และมีบุตรสาวด้วยกัน 2 คน คือ Malia และ Natasha จากนั้นเขาย้ายครอบครัวมาอยู่ที่เมือง Hyde Park ในชิคาโก ขณะเดียวกันเขาเริ่มงานสอนหนังสือวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยชิคาโกจนถึงปี 2004


..........ในปี 2004 นี้เองเป็นปีที่ชื่อของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการเมืองของสหรัฐฯ จากการได้รับเลือกเป็นตัวแทนวุฒิสมาชิกในสภาสูงจากรัฐอิลลินอยส์และเขาได้ ร่วมกล่าวสุนทรพจน์ในงานประชุมพรรคเดโมแครตประจำปี ซึ่งสุนทรพจน์ของเขาในครั้งนั้นโดนใจชาวเดโมแครตหลายคน รวมทั้ง สื่อมวลชนด้วย เรียกได้ว่าเขาเป็นนักการเมือง หนุ่มหน้าใหม่ที่มาแรงในยุคนี้ด้วยประวัติทาง การเมืองยังค่อนข้างใสสะอาด ยังไม่มีผลงาน ที่ติดลบ เพราะยังมีผลงานไม่มากนัก แต่ด้วย ความที่เป็นคนที่มีวาทศิลป์ยอดเยี่ยม ผนวกกับมาดปัญญาชน สุขุม ลุ่มลึก และติดดินอยู่ในที สามารถเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม ตั้งแต่นักการเมืองผู้หนาประสบการณ์ พนักงานบริษัทไปจนถึงเกษตรกร อีกทั้งสตรี เด็ก และคนชรา อย่างไรก็ดี มีนักวิเคราะห์การเมืองอย่าง Robert Putnum แห่งมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด มีความเห็นว่า โอบามาจืดไปสำหรับ การเมือง เทียบไม่ได้กับบิล คลินตัน...

..........นายบารัค โอบามา ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เปิดเผยระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการ "เดอะ วิว" ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซี ว่า ทราบข่าวที่มีรายงานว่าตนเองเป็นญาติห่างๆ กับแบรด พิตต์ ดารานักแสดงชื่อดังของฮอลีวูด โดยมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องลำดับ 9 ทั้งคู่สืบเชื้อสายมาจากเอ็ดวิน ฮิคแมน เสียชีวิตที่รัฐเวอร์จิเนีย ในปี 2312โอบามา กล่าวว่า รู้สึกดีที่มีความเกี่ยวดองกับนักแสดงชื่อดังอย่างแบรด พิตต์ แต่เชื่อว่าพิตต์คงได้ยีนด้านความหล่อเหลาไปมาก จึงมีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาดูดีกว่าเขารายงานระบุด้วยว่า สมาคมสืบค้นเชื้อสายเผ่าพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยผลการสำรวจที่ใช้เวลานานกว่า 3 ปี ระบุว่า นายโอบามา ยังมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องลำดับที่ 10 ของ นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้นำสหรัฐอเมริกา รวมทั้งยังเป็นเป็นญาติห่างๆ ของ นายดิ๊ก เชนีย์ รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและมีเชื้อสายเผ่าพันธุ์ร่วมกับอดีตผู้นำสหรัฐอเมริกาอีกหลายคนด้วย


................Barack Obama มีคุณสมบัติ 3 ประการที่ทุกคนต้องการให้มีในแบรนด์ของคน ความใหม่ ความแตกต่างและความดึงดูด Obama มีจุดแข็งที่สุดในหมู่คนหนุ่มสาวอายุประมาณ 18-29 อันเป็นตลาดยอดปรารถนาของนักโฆษณา ซึ่งเป็นกลุ่มที่เรียกกันว่า millennials หรือกลุ่มคนรุ่นสหัสวรรษ ซึ่งกำลังจะมีจำนวนแซงหน้ากลุ่มคนที่เกิดในยุคเบบี้บูม ภายในอีก 2 ปีข้างหน้าคือปี 2010

คนรุ่นนี้ประกอบด้วยคนทุกสีผิว ดำ ขาว เหลือง น้ำตาล แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีร่วมกันคือ สื่อยุคใหม่ (New Media) เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Online Social Network) และความไม่ต้องใจการโฆษณาแบบดั้งเดิมที่ส่งสารจากบนลงล่าง สิ่งเหล่านี้กำลังเชื่อมโยงคนกลุ่มนี้เข้าด้วยกัน มากเสียยิ่งกว่าที่อุปสรรคแต่ดั้งเดิมต่างๆ ที่เคยมีมาอย่างเช่นเชื้อชาติ ได้เคยแบ่งแยกพวกเขาออกจากกันเสียอีกObama ก้าวพ้นการเหยียดเชื้อชาติ ประวัติชีวิตที่ไม่ธรรมดา และชื่อที่เขาบอกเองว่า ตลกๆและกลายไปเป็นภาพสะท้อนของสิ่งที่อเมริกากำลังจะเป็น นั่นคือ สังคมยุคหลังเบบี้บูม เขายังก้าวพ้นจากการเมืองแบบยึดเอกลักษณ์บุคคลแต่เก่าก่อน อันเป็นการเมืองชนิดใหม่ที่กำลังกลายเป็นความจริงแบบใหม่ไม่ว่าจะในขณะนี้หรือแม้แต่อีก 10 ปีข้างหน้า ผู้นำธุรกิจที่มองการณ์ไกลจึงควรรีบสนใจศึกษาวิธีการก้าวขึ้นมาของ Obama เสียแต่เดี๋ยวนี้ ทั้งในเชิงกลยุทธ์