วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555

เห็ดหลินจือ อีกหนึ่งสารแอนติออกซิแดนท์เพื่อสุขภาพ


เห็ดหลินจือแดง มีชื่อเสียงเรื่องเป็นสมุนไพรรักษาโรคมานาน และถือได้ว่าเป็นยาวิเศษรักษาโรคได้สารพัดชนิด ปัจจุบันกำลังเป็นที่สนใจมากขึ้น ได้มีการศึกษาถึงสรรพคุณทางยาที่จะนำมาใช้ในการรักษาโรค
ลักษณะทางกายภาพของเห็ดหลินจือนั้น จะพบได้ในป่าเขตอบอุ่นละเขตร้อน โดยจะขึ้นอยู่กับขอยไม้ที่ตายแล้ว เช่นต้นคูณ ต้นก้ามปู ต้นหางนกยูงฝรั่ง ยางพารา มะขาม ต้นหมาก เมื่อตอนที่ขึ้นมาใหม่ ๆ ดอกเห็ดจะมีลักษณะเป็นแท่ง จากยอดโคนลงมาเป็นสีขาว เหลือง และน้ำตาล เมื่อเจรฐเติบโตจนสมบูรณ์ส่วนบนจะแผ่ขยายออกรูปคล้ายพัด และมีสีน้ำตาลอมแดง จึงเป็นที่มาของชื่อเห็ดหลินจือแดงนั่นเอง
นักวิทยาศาสตร์ ได้ทำการศึกษาทดลองวิจัยสารสำคัญต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในเห็ดหลินจือ พบว่ามีมากมายกว่า 150 ชนิด ซึ่งนั่นทำให้เห็ดหลินจือมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีสรรพคุณในการบำบัดรักษาโรค
เราลองมาดูกันซะหน่อยว่า สรรพคุณทางยาที่นักวิจัยต่าง ๆ ได้ศึกษามาแล้วนั้น มีอะไรบ้าง
- สรรพคุณในการต้านสารอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ป้องกันเซลล์เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ มะเร็ง และการแก่ก่อนวัยของคุณผู้หญิงทั้งหลายด้วย
- ความสามารถในการควบคุมระบบการไหลเวียนของเลือด ลดความดันโลหิต ลดปริมาณน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำตาลหรือผู้ป่วยเบาหวาน
-มีสรรพคุณช่วยยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันในสมองและหัวใจ
- ช่วยในการบำรุงตับและเพิ่มคุณสมบัติในการทำลายสารพิษ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคตับอักเสบ
- สามารถสร้างระบบภูมิต้านทาน เพิ่มปริมาณเม็ดเลือดขาว ช่วยต้านทานไวรัส แบคทีเรีย เชื้อราและเซลล์มะเร็ง โดยจะมีสาร Polysaccharide จะช่วยกระตุ้นเซลล์ Lymphocyte-T ทำให้บรรเทาการเกิดโรคภูมิแพ้ ผื่นคัน และหอบหืดได้
- ล้างสารพิษในร่างกาย (Detoxification) สารสำคัญต่าง ๆ ในเห็ดหลินจือ กระจายไปทั่วร่างกาย เพื่อขับไล่พิษ สารพิษและสารตกค้างที่ทำให้เกิดโรค เช่นกรดยูริก น้ำตาล ไขมัน สารก่อมะเร็ง หรือสารเคมีต่าง ๆ ที่เป็นพิษต่อร่างกาย ที่สำคัญยังช่วยบำรุงไตให้ไตทำงานได้ดีขึ้น หรือในบางรายที่เป็นโรคไตเรื้อรัง ก็ยังช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของไตด้วย
ทั้งนี้กระบวนการล้างพิษของเห็ดหลินจืออาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ มีไข้ ปวดตามข้อ ท้องเสีย น้ำมูกไหล ไอ เป็นต้น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่รับประทาน 3-7 วัน จนเห็ดหลินจือได้ขับสารพิษออกจากร่างกายและร่างกายเริ่มปรับสภาพได้แล้ว
- สารเคมีในเห็ดหลินจือ ช่วยผ่อนคลายระบบประสาท จึงทำให้นอนหลับสนิท
วิธีการทานเห็ดหลินจือที่สำคัญ คือต้องดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อให้กระบวนการล้างพิษมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสำหรับผู้ที่ทานยาแผนปัจจุบันก็ยังสามารถรับประทานเห็ดหลินจือได้โดยไม่ต้องหยุดยาของแพทย์ แต่ควรรับประทานเห็ดหลินจือหลังจากทานยาแผนปัจจุบันไปแล้วประมาณ 1 ช.ม. ซึ่งจะช่วยในการบำบัดโรคตามแนวทางทฤษฎีการแพทย์ผสมผสาน
ใครที่สามารถรับประทานเห็ดหลินจือได้บ้าง
จากสรรพคุณที่ช่วยในการป้องกันและการบำบัดรักษา จึงเหมาะกับโรคของผู้สูงวัยและก่อนผู้สูงวัย ที่มีปัญหาเรื่อง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เส้นเลือดอุดตันในสมอง โรคตับ โรคไต โรคหอบหืด ภูมิแพ้ต่าง ๆ อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ รวมทั้งสามารถให้เป็นยาอายุวัฒนะ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ ที่จะนำไปสู่โรคมะเร็ง และช่วยชะลอความแก่ได้
แต่คนหนุ่มสาวที่ใส่ใจกับสุขภาพ ก็สามารถทานได้ จึงเหมาะสมกับ...
- ผู้ที่ชอบรับประทานเนื้อสัตว์แดง อาหารที่มีไขมันสูง ของปิ้ง ย่าง ทอด
- ผู้ที่ชอบสูบบุหรี่ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิต เบาหวาน หรือมีประวัติว่าญาติสนิทเป็นโรคดังกล่าว
- ผู้ที่เป็นไข้หวัดบ่อย มีภูมิต้านทานต่ำ แพ้อากาศง่าย พักผ่อนน้อย นอนหลับไม่สนิท
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่เคยเข้ารับการทำรังสีบำบัดมาก่อน (ทำคีโม)
ผู้ที่ต้องการจะทานเห็ดหลินจือแดง ปัจจุบันเลือกหาซื้อได้ง่าย และรับประทานได้ง่ายขึ้น เพราะมีหลายรูปแบบที่เป็นแบบสารสกัดเข้มข้นบรรจุในแคปซูล หรือถ้าใครอยากทานแบบดั้งเดิมก็สามารถเลือกทานทานแบบที่ขายเป็นแผ่นอบแห้ง แล้วเอาไปต้มดื่มก็ได้เช่นกัน
ทางเลือกอาหารเสริมสมุนไพร ที่มีหลากหลายมากขึ้น ใครที่สนใจสามารถหามาทานกันได้ แต่อย่าลืมเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีชื่อผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย รายละเอียดบนฉลากและวันหมดอายุอย่างชัดเจน รวมไปถึงการบรรจุหีบห่อก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน ต้องสะอาด เรียบร้อย ไม่มีรายฉีกขาด
สุขภาพดีย่อมมาจากร่างกายที่แข็งแรงเหมือนกับคำที่ว่า "You are what you eat"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น