วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Barack Obama

บารัค โอบามา Barack Obama



.......แต่รักในวัยเรียนดำเนินไปได้ไม่นาน เมื่อโอบามาน้อยลืมตาดูโลกได้เพียง 2 ปี พวกเขาก็แยกทางกัน โอบามาน้อยยังคงอยู่กับมารดาในอเมริกา ส่วนบิดาของเขากลับไป ทำงานที่เคนยา และแต่งงานใหม่กับหญิงอเมริกันในเคนยา เป็นการเริ่มต้นครอบครัวครั้งที่ 3 แต่ก็ไปกันได้ไม่นาน จากความทุกข์ หลายๆ ด้านประดังเข้ามา ทำให้บิดาของเขา เริ่มหันมา "ดื่ม" เพื่อลืมปัญหาทาง ด้านมารดาของเขา หลังจากเลิกรากับบิดาของโอบามา เธอแต่งงานใหม่ กับ Lolo Soetoro นักศึกษาชาวอินโดนีเซีย และมีบุตรสาวหนึ่งคนชื่อ Maya เมื่อโอบามา อายุ 6 ปี มารดาของเขากับครอบครัวใหม่ได้ย้ายไปอยู่ ณ เมืองจาการ์ตาในอินโดนีเซีย ที่ที่เขาเริ่มต้นชีวิตวัยเรียนครั้งแรกในต่างแดน จนกระทั่งอายุครบ 10 ปี เขาถูกส่งกลับมาอยู่กับตากับยายของเขาที่ฮาวาย จนกระทั่งจบเกรด 5บิดา ผู้ให้กำเนิดโอบามาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในขณะที่โอบามาน้อยกลายเป็นหนุ่มวัย 21 ปี และอีก 13 ปีต่อมา เขาสูญเสียมารดาที่จากไปด้วยโรคมะเร็งในรังไข่ เพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่เขาเขียนหนังสือไว้อาลัยให้กับบิดาของเขา โดยใช้ชื่อเรื่องว่า "ความฝันจากพ่อของฉัน" หรือ "Dreams from My Father" ซึ่งต่อมาเป็นหนังสือขายดีมาก และทำให้หลายคนชื่นชอบในตัวเขา

จากแง่คิดในหนังสือเรื่องนี้ ในหนังสือเขาบรรยายถึงความรู้สึกในวัยเด็กของเขาที่มีปมด้อย มีความสับสนในที่มาและที่ไปของเขา เขาเติบโตท่ามกลางสองสีผิว ดังข้อความที่เขากล่าวไว้ในหนังสือเล่มนั้นว่า "พ่อของฉันไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวฉันเลย ท่าน ตัวดำอย่างกับยางมะตอย แม่ของฉันก็ขาวอย่างกับน้ำนม"


.......ในวัยรุ่น โอบามารู้สึกแปลกแยกมากในสังคม เขาเปิดอกในหนังสือว่า เขาต้องหัน ไปพึ่งของมึนเมาและยาเสพติด ไล่มาตั้งแต่ เหล้า กัญชา และโคเคน เพื่อทำให้ลืมว่าเขาเป็นใคร... โอบามาเติบโตมาท่ามกลางความหลากหลายในความคิดเรื่องศาสนา... จากพ่อผู้ให้กำเนิดชาวมุสลิมที่มีความเชื่อว่า พระเจ้าไม่มีอยู่จริง จากแม่ที่มาจากครอบครัว ที่ไม่ยึดถือศาสนาใด และพ่อเลี้ยงชาวอินโดนีเซียที่ไม่เห็นว่าศาสนามีความสำคัญมากนักในการดำเนินชีวิต.เขาจึงต้องพยายามแสวงหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจด้วยตนเอง จนกระทั่งเขาลงเอยที่เป็นสมาชิกของโบสถ์ Trinity สังกัด United Church of Christ ที่ไม่ปิดกั้นการคิดเชิงวิจารณ์ (Critical Thinking) พร้อมทั้งไม่ขัดขวางการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และเท่าเทียมกันทางสังคมและเศรษฐกิจแม้ว่าชีวิตในวัยเยาว์ของโอบามาจะ ไม่เป็นสุขมากนัก แต่เขาสามารถสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบียที่มีชื่อเสียง หลังจากเรียนจบเขาเข้าร่วมงานกับองค์กรไม่แสวงหากำไร โดยเป็นที่ปรึกษาโครงการฝึกอาชีพให้แก่โบสถ์แห่งหนึ่งในชิคาโก เมื่อเขาอายุได้ 27 ปี เขาศึกษาต่อที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด


.........ในปีเดียวกันนั้นเขาพบรักกับ Michelle Robinson นิติกรสาวผิวดำจากบริษัทกฎหมาย Sidley & Austin ในชิคาโกที่เขาเคยร่วมงาน ขณะศึกษาอยู่ได้ 2 ปี เขาเป็นคนผิวดำคนแรกที่ได้รับเลือกเป็นประธานของ Harvard Law Review ในรอบ กว่าศตวรรษจากนั้นเมื่อเขาสำเร็จนิติศาสตร์ ในปี 1991 เขามารับหน้าที่เป็นที่นิติกรสมทบ ให้บริษัทที่ปรึกษากฎหมาย Miner, Barnhill & Galland ในชิคาโก และสมรสกับ Michelle ในปีต่อมา และมีบุตรสาวด้วยกัน 2 คน คือ Malia และ Natasha จากนั้นเขาย้ายครอบครัวมาอยู่ที่เมือง Hyde Park ในชิคาโก ขณะเดียวกันเขาเริ่มงานสอนหนังสือวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยชิคาโกจนถึงปี 2004


..........ในปี 2004 นี้เองเป็นปีที่ชื่อของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการเมืองของสหรัฐฯ จากการได้รับเลือกเป็นตัวแทนวุฒิสมาชิกในสภาสูงจากรัฐอิลลินอยส์และเขาได้ ร่วมกล่าวสุนทรพจน์ในงานประชุมพรรคเดโมแครตประจำปี ซึ่งสุนทรพจน์ของเขาในครั้งนั้นโดนใจชาวเดโมแครตหลายคน รวมทั้ง สื่อมวลชนด้วย เรียกได้ว่าเขาเป็นนักการเมือง หนุ่มหน้าใหม่ที่มาแรงในยุคนี้ด้วยประวัติทาง การเมืองยังค่อนข้างใสสะอาด ยังไม่มีผลงาน ที่ติดลบ เพราะยังมีผลงานไม่มากนัก แต่ด้วย ความที่เป็นคนที่มีวาทศิลป์ยอดเยี่ยม ผนวกกับมาดปัญญาชน สุขุม ลุ่มลึก และติดดินอยู่ในที สามารถเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม ตั้งแต่นักการเมืองผู้หนาประสบการณ์ พนักงานบริษัทไปจนถึงเกษตรกร อีกทั้งสตรี เด็ก และคนชรา อย่างไรก็ดี มีนักวิเคราะห์การเมืองอย่าง Robert Putnum แห่งมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด มีความเห็นว่า โอบามาจืดไปสำหรับ การเมือง เทียบไม่ได้กับบิล คลินตัน...

..........นายบารัค โอบามา ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เปิดเผยระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการ "เดอะ วิว" ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซี ว่า ทราบข่าวที่มีรายงานว่าตนเองเป็นญาติห่างๆ กับแบรด พิตต์ ดารานักแสดงชื่อดังของฮอลีวูด โดยมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องลำดับ 9 ทั้งคู่สืบเชื้อสายมาจากเอ็ดวิน ฮิคแมน เสียชีวิตที่รัฐเวอร์จิเนีย ในปี 2312โอบามา กล่าวว่า รู้สึกดีที่มีความเกี่ยวดองกับนักแสดงชื่อดังอย่างแบรด พิตต์ แต่เชื่อว่าพิตต์คงได้ยีนด้านความหล่อเหลาไปมาก จึงมีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาดูดีกว่าเขารายงานระบุด้วยว่า สมาคมสืบค้นเชื้อสายเผ่าพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยผลการสำรวจที่ใช้เวลานานกว่า 3 ปี ระบุว่า นายโอบามา ยังมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องลำดับที่ 10 ของ นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้นำสหรัฐอเมริกา รวมทั้งยังเป็นเป็นญาติห่างๆ ของ นายดิ๊ก เชนีย์ รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและมีเชื้อสายเผ่าพันธุ์ร่วมกับอดีตผู้นำสหรัฐอเมริกาอีกหลายคนด้วย


................Barack Obama มีคุณสมบัติ 3 ประการที่ทุกคนต้องการให้มีในแบรนด์ของคน ความใหม่ ความแตกต่างและความดึงดูด Obama มีจุดแข็งที่สุดในหมู่คนหนุ่มสาวอายุประมาณ 18-29 อันเป็นตลาดยอดปรารถนาของนักโฆษณา ซึ่งเป็นกลุ่มที่เรียกกันว่า millennials หรือกลุ่มคนรุ่นสหัสวรรษ ซึ่งกำลังจะมีจำนวนแซงหน้ากลุ่มคนที่เกิดในยุคเบบี้บูม ภายในอีก 2 ปีข้างหน้าคือปี 2010

คนรุ่นนี้ประกอบด้วยคนทุกสีผิว ดำ ขาว เหลือง น้ำตาล แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีร่วมกันคือ สื่อยุคใหม่ (New Media) เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Online Social Network) และความไม่ต้องใจการโฆษณาแบบดั้งเดิมที่ส่งสารจากบนลงล่าง สิ่งเหล่านี้กำลังเชื่อมโยงคนกลุ่มนี้เข้าด้วยกัน มากเสียยิ่งกว่าที่อุปสรรคแต่ดั้งเดิมต่างๆ ที่เคยมีมาอย่างเช่นเชื้อชาติ ได้เคยแบ่งแยกพวกเขาออกจากกันเสียอีกObama ก้าวพ้นการเหยียดเชื้อชาติ ประวัติชีวิตที่ไม่ธรรมดา และชื่อที่เขาบอกเองว่า ตลกๆและกลายไปเป็นภาพสะท้อนของสิ่งที่อเมริกากำลังจะเป็น นั่นคือ สังคมยุคหลังเบบี้บูม เขายังก้าวพ้นจากการเมืองแบบยึดเอกลักษณ์บุคคลแต่เก่าก่อน อันเป็นการเมืองชนิดใหม่ที่กำลังกลายเป็นความจริงแบบใหม่ไม่ว่าจะในขณะนี้หรือแม้แต่อีก 10 ปีข้างหน้า ผู้นำธุรกิจที่มองการณ์ไกลจึงควรรีบสนใจศึกษาวิธีการก้าวขึ้นมาของ Obama เสียแต่เดี๋ยวนี้ ทั้งในเชิงกลยุทธ์




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น