วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

โรคเชื้อราในช่องหู

สาเหตุของ “โรคเชื้อราในช่องหู” นั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากการที่เราไม่ยอมทำความสะอาดหู อาบน้ำเสร็จแล้วก็ไม่ยอมเช็คหูให้แห้ง โดยอาการของโรคนี้ จะมีอาการคันตลอดเวลา ขนาดที่ว่าใช้คัตตอนบัคช่วยแล้วก็ยังไม่สามารถบรรเทาอาการหายคันได้ นอกจากนี้ยังอาจมีอาการปวดหู และหูอื้อ
วิธีการรักษา เพื่อให้แน่ชัดว่าเป็นเชื้อราในช่องหูรึเปล่า คุณหมอจะใช้เครื่องส่องเช็คดูอาการในหูก่อน โดยเชื้อราจะมีลักษณะเป็นขุยขาวๆ ติดอยู่บนผิวหนังในรูหู เมื่อตรวจพบแล้วว่าเป็นจริงแล้ว คุณหมอจะใช้เครื่องดูดดูดเชื้อราออกมา แต่ไม่สามารถที่จะทำการดูดออกมาได้หมดภายในครั้งเดียว เพราะหูถือว่าเป็นอวัยวะที่เปราะบาง ถ้าดูดมากเกินไปก็จะทำให้เกิดการอักแสบได้ จึงต้องอาศัยวิธีหยอดยาเข้าช่วยด้วย หลังจากนั้นก็จะทำการนัดมาดูดเชื้อราส่วนที่เหลืออีกครั้ง

ซึ่งนอกจากวิธีการดูดเชื้อราออกจากหูแล้ว ยังมีวิธีรักษาอีกวิธีหนึ่งคือ การใช้คัตตอนบัคชุบทิงเจอร์ที่ใส่แผลสด (Merthiolate) เช็คหูวันละ 3 – 4 ครั้ง หรือนอนตะแคงแล้วใช้ยาชนิดนี้หยอดหูครั้งละ 10 หยด ให้ยาค้างอยู่ในหูอย่างน้อย 5 นาที หลังจากนั้นตะแคงหูข้างนั้นลง แล้วใช้กระดาษทิชชูหรือสำลีซับให้แห้ง ทำวันละ 3 – 4 ครั้ง โดยยาชนิดนี้อาจจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกแสบได้ แต่อาการของโรคจะดีขึ้นภายใน 2 – 3 วัน ถ้าหากยังไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ควรรีบไปหาคุณหมอทันที


วิธีป้องกันการเป็นโรคเชื้อราในช่องหู
◦หลังอาบน้ำเสร็จแล้วต้องเช็คหูให้แห้งทุกครั้ง

◦เวลาเป่าผม ก็ควรที่จะเป่าหูด้วย แต่ต้องให้เครื่องเป่าผมอยู่ไกลจากหูสักนิด เพราะแก้วหูของเรานั้นเป็นสิ่งเปราะบางมากๆ

◦ถ้ามีอาการคันหูตลอดเวลาแล้วล่ะก็ ควรรีบไปหาคุณหมอทันที เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้ความสามารถในการได้ยินลดน้อยลง

◦ถ้ามีอาการคันเพราะเชื้อราในช่องหู ห้าม!! ใช้คัตตอนบัคปั่นหูเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้เชื้อรามีการอัดแน่นมากยิ่งขึ้น


เห็นไหมจ๊ะว่า “โรคเชื้อราในช่องหู” นั้น เป็นโรคที่อยู่ใกล้ตัวเรามากๆ เลย ดังนั้นต่อไปหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ก็ต้องเช็คหูให้แห้งทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเป็นโรคนี้ แต่ถ้าเรารู้ตัวว่ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นในหูก็ต้องรีบไปหาคุณหมอเพื่อทำการตรวจเช็คสุขภาพทันที


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น